กระทรวงการท่องเที่ยวของประเทศอินโดนีเซียร่วมมือกับอะโดบีเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ และนำเสนอประสบการณ์สุดประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ด้วยการใช้ประโยชน์จาก Adobe Experience Cloud กระทรวงการท่องเที่ยวตั้งเป้าหมายที่จะขยายขอบเขตการเข้าถึง ปรับปรุงการติดต่อสื่อสารกับนักท่องเที่ยว และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในระดับภูมิภาค Adobe Experience Cloud เป็นแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับการตลาดดิจิตอลที่จะช่วยให้กระทรวงฯ บรรลุเป้าหมายสำคัญๆ เพื่อยกระดับโปรไฟล์ของอินโดนีเซียก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอันดับต้นๆ
ความร่วมมือในครั้งนี้สอดรับกับกระแสการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวในอินโดนีเซีย โดยกระทรวงการท่องเที่ยวมีจุดมุ่งหมายที่จะกระตุ้นการเติบโตเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในช่วงปี 2559 อินโดนีเซียต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 12 ล้านคน เพิ่มขึ้น 15.5 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า และในปีนี้ ทางกระทรวงฯ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 15 ล้านคน โดยคาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคนภายในปี 2562
นาย อาเรียฟ ยาห์ยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย กล่าวว่า "อินโดนีเซียคือจุดหมายปลายทางที่ยอดเยี่ยม เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นเกาะต่างๆ ที่สวยงาม ชายหาดที่ยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรมที่เก่าแก่ และยังมีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่รอให้คุณได้ค้นพบ ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการบอกเล่าเรื่องราว ควบคู่ไปกับการโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมใหม่ๆ ให้แก่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และอะโดบีได้แสดงให้เราเห็นถึงความเป็นไปได้ในการทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ความร่วมมือกับอะโดบีในครั้งนี้จะช่วยให้เราเชื่อมต่อกับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งเข้าใจความต้องการและรสนิยมของนักท่องเที่ยวได้ดียิ่งขึ้น และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ให้สอดรับกับความต้องการดังกล่าวได้อย่างลงตัว"
ภายใต้วิสัยทัศน์ "Go Digital" ของกระทรวงการท่องเที่ยวอินโดนีเซีย สำหรับปี 2560 แพลตฟอร์มคลาวด์ของอะโดบีจะช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์การปรับปรุงประสิทธิภาพโดยอาศัยเทคโนโลยีดิจิตอล ควบคู่ไปกับการเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีดิจิตอลในปัจจุบัน หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินการครั้งนี้ประสบผลสำเร็จก็คือ Livefyre ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Adobe Experience Manager ทั้งนี้ Livefyre จะช่วยให้ทางกระทรวงฯ สามารถใช้ประโยชน์จากเนื้อหาคอนเทนต์ที่ผู้ใช้สร้างขึ้น ทั้งยังสามารถกลั่นกรองโพสต์ต่างๆ หลายพันล้านรายการที่นักท่องเที่ยวสร้างขึ้นในแต่ละวันบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ที่สดใหม่และน่าประทับใจของนักท่องเที่ยวให้แก่ผู้คนทั่วโลก พร้อมกันนี้ Adobe Analytics จะจัดหาข้อมูลวิเคราะห์แบบเจาะลึกเกี่ยวกับเว็บแทรฟฟิกและนักท่องเที่ยว เพื่อนำเสนอข้อมูลเชิงลึกสำหรับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและการดึงดูดนักท่องเที่ยวหน้าใหม่
อีกหนึ่งโครงการริเริ่มที่สำคัญได้แก่ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายและขอบเขตการเข้าถึงของกระทรวงการท่องเที่ยว ด้วยการผนึกกำลังร่วมกับสายการบินรายใหญ่ ความร่วมมือกับอะโดบีในครั้งนี้นอกจากจะช่วยให้กระทรวงการท่องเที่ยวเข้าถึงเครือข่ายพันธมิตรสายการบินของอะโดบีแล้ว ยังสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม Adobe Experience Cloud เพื่อเพิ่มความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับเซ็กเมนต์ลูกค้าระหว่างองค์กรต่างๆ ที่เป็นสมาชิกของกลุ่มความร่วมมืออีกด้วย นอกจากนี้ Adobe Audience Manager จะช่วยระบุเซ็กเมนต์ลูกค้าที่มีประโยชน์สำหรับการสร้างแคมเปญการท่องเที่ยวแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ในช่วงปีแรกของความร่วมมือ ทางกระทรวงฯ ตั้งเป้าที่จะเซ็นข้อตกลงความร่วมมือกับ 10 สายการบิน รวมถึงสายการบินการูด้า อินโดนีเซีย (Garuda Indonesia) และแอร์เอเชีย (Air Asia)
นายโทนี่ คัตซาบาริส กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กลุ่มธุรกิจภาครัฐของอะโดบี กล่าวว่า "ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวมีความคาดหวังสูงขึ้นต่อสถานที่ท่องเที่ยว ด้วยพลังของอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ผู้บริโภคจึงได้รับทราบข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องการประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ทุกวันนี้ ประสบการณ์ดิจิตอลมีความสำคัญมากพอๆ กับประสบการณ์ในทางกายภาพ และจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อผ่านทุกช่องทาง อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะต้องได้รับการพัฒนาปรับปรุง ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ที่สดใหม่ หลากหลาย ตรงกลุ่มเป้าหมาย ภายในเวลาอันรวดเร็ว อะโดบีมีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวของอินโดนีเซียภายใต้โครงการสำคัญนี้ ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนอินโดนีเซียได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit