นายปลิว กล่าวว่า ในปี 2557 นี้ ช. การช่าง มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมั่นใจว่าจะมีรายได้จากงานก่อสร้างทั้งปีเกินกว่า 33,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการไว้ 30,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะมีกำไรขั้นต้นจากการดำเนินงานไม่น้อยกว่า 8-10% อย่างแน่นอน นอกจากนี้ ในปีนี้ยังมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นของบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) กว่า 1,000 ล้านบาท และการขายหุ้นบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) กว่า 227 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 4 นี้ รวมถึงเงินปันผลจากบริษัทฯที่ไปลงทุนไว้ อีกกว่า 600 ล้านบาท ทำให้รายได้ทั้งปีของ ช.การช่าง มากกว่า 34,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน ในส่วนของงานในมือปีนี้มีงานใหม่กว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบไปด้วย งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าบางปะอิน เฟส 2 มูลค่ากว่า 4,611 ล้านบาท งานก่อสร้างเพิ่มเติมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีเขียว มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท และงานก่อสร้างโรงผลิตน้ำประปา มูลค่า 3,498 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอลงนามงานก่อสร้างระบบสายไฟฟ้าใต้ดินให้แก่การไฟฟ้านครหลวง อีกกว่า 1,100 ล้านบาท ผลการดำเนินงานนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง ประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ และกลยุทธ์การลงทุนที่บริษัทฯได้เตรียมการไว้เป็นอย่างดี
“ปี 2557 นี้แม้ว่าในประเทศจะมีปัญหาการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจจะชะลอตัว รวมทั้งมีผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจโลก งานก่อสร้างต่างๆ ของภาครัฐเป็นไปด้วยความล่าช้า แต่โดยรวมถือว่าไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ เพราะปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog ในมือกว่า 100,000 ล้านบาท เพียงพอเป็นรายได้ก่อสร้างได้อีก 4 ปี มีรายได้จากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอและมีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนงานในมือที่ดำเนินการอยู่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงสนามไชย – ท่าพระ มีความก้าวหน้ากว่า 60% แล้ว โดยขณะนี้อุโมงค์รถไฟฟ้าอุโมงค์แรกได้ขุดเจาะลอดแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วเสร็จ และกำลังจะเริ่มขุดเจาะอุโมงค์ที่สอง โดยคาดว่างานจะแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2559 โครงการจัดซื้อระบบรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ –บางซื่อ บริษัทฯได้เริ่มผลิตขบวนรถไฟฟ้าแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น โดยให้บริษัท J-TREC (Japan Transport Engineering Company) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถไฟฟ้าความเร็วสูง Bullet Train ที่มีความเชี่ยวชาญในประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ดำเนินการ โดยคาดว่ารถไฟฟ้าขบวนแรกจะส่งมาถึงประเทศไทยในปลายปี 2558 ก่อนจะเริ่มทดสอบระบบ โดยคาดว่า BMCL จะเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการได้กลางปี 2559 และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ในเดือนสิงหาคม 2559 ส่วนโครงการสำคัญอื่นๆ เช่น โครงการไซยะบุรี มีความก้าวหน้ากว่า 45% โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง – สมุทรปราการ มีความก้าวหน้ากว่า 50%”
นายปลิว กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์การดำเนินงานของ ช. การช่าง ถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้ ช.การช่างเดินหน้าในธุรกิจก่อสร้างและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่งโดยบริษัทฯเป็นทั้งผู้รับเหมาก่อสร้างและผู้พัฒนาโครงการที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ในส่วนของแผนการลงทุนและดำเนินธุรกิจในปี 2558 บริษัทฯ จะเข้าร่วมแข่งขันในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐอย่างเต็มที่ เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู โครงการรถไฟทางคู่ โครงการมอร์เตอร์เวย์ โดยมั่นใจว่าจะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้างกว่า 20-25% ของงานทั้งหมด และพร้อมที่จะเข้าร่วมลงทุนดำเนินการในโครงการของภาครัฐแบบ PPP ทั้งโครงการทางด่วน รถไฟฟ้า โรงไฟฟ้า น้ำประปา โดยมีบริษัทในกลุ่ม BECL, BMCL, TTW และ CKP เป็นผู้ร่วมดำเนินการ ในต้นปี 2558 นี้คาดว่างานสัมปทานเดินรถ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย จะได้ข้อสรุปอย่างแน่นอน ซึ่ง ช.การช่าง ร่วมกับ BMCL มั่นใจว่าจะสามารถเร่งรัดดำเนินการโครงการนี้เปิดให้บริการแก่ประชาชนได้โดยเร็วที่สุด
ปัจจุบันบริษัทฯได้รับความสนใจจากนักลงทุน ทั้งนักลงทุนรายใหญ่ นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯได้ไป Road Show ที่ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกงและมาเลเซีย และได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดี โดยล่าสุดบริษัทฯ บริษัทฯได้จัดอันดับเข้าสู่ SET50 ทำให้หุ้นของบริษัทฯเป็นที่สนใจของนักลงทุนและสถาบันต่างๆ เป็นอย่างมาก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit