อดีตแพทย์ทหารประจำกองทัพสหรัฐและคณะผู้เชี่ยวชาญพูดคุยถึงวิธีใหม่ในการให้ความช่วยเหลือนักสูบบุหรี่
ผลวิจัยล่าสุดที่ได้รับการเปิดเผยในการประชุมแพทย์ประจำปีแสดงให้เห็นว่า นักสูบบุหรี่ที่ขาดสารนิโคตินเนื่องจากการพยายามเลิกบุหรี่จะมีประสิทธิภาพในการรับรู้และนึกคิดลดลง (อาทิ มีสมาธิน้อยลง เป็นต้น) ซึ่งอาจส่งผลให้การเลิกบุหรี่เป็นไปได้ยากกว่าเดิม และนักสูบอาจกลับไปสูบบุหรี่ตามเดิม(1) นอกจากนั้น เทคโนโลยีสแกนภาพในสมองยังแสดงให้เห็นว่านักสูบที่อมยานิโคติน NiQuitin(R) ขนาด 4 มิลลิกรัม (หรือในชื่อ Nicabate ในออสเตรเลีย) จะมีอาการผิดปกติจากการพยายามเลิกบุหรี่น้อยลงมาก(2) ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะช่วยให้แพทย์เข้าใจอาการของผู้ป่วยและสามารถหาวิธีการรักษาได้อย่างเหมาะสม
“ผลวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าความช่วยเหลือของแพทย์เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจอาการของตัวเองและเลิกบุหรี่ได้ในที่สุด” ดร.ซี เอเวอเรทท์ คูป อดีตแพทย์ทหารและผู้เขียนรายงานหัวข้อการ “เสพติดนิโคติน ผลพวงจากการสูบบุหรี่” ในปี พ.ศ.2531 กล่าว “แพทย์ควรนำข้อมูลดังกล่าวไปพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจอาการเสพติดนิโคตินมากขึ้น นอกจากนั้นยังควรพูดถึงผลกระทบที่มองจะได้รับจากการเลิกบุหรี่และวิธีรักษาอาการดังกล่าว”
การวิจัยครั้งนี้เน้นไปที่การศึกษาผลกระทบของการขาดสารนิโคตินจากการเลิกสูบบุหรี่ที่มีต่อสมอง และประสิทธิภาพของยาอมนิโคติน NiQuitin(R) ขนาด 4 มิลลิกรัม ในการช่วยลดอาการผิดปกติจากการพยายามเลิกบุหรี่(3)
ผลการศึกษาเผยว่า การขาดนิโคตินจะส่งผลกระทบต่อสมองบางส่วน โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ซึ่งยาอมนิโคติน NiQuitin(R) ขนาด 4 มิลลิกรัม สามารถช่วยพัฒนาการทำงานของระบบการรับรู้ในสมองได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ยา placebo (ยาที่มีผลทางจิตใจแต่ไม่มีฤทธิ์ในการรักษา) นอกจากนั้นยังช่วยลดอาการผิดปกติที่เกิดจากการเลิกสูบบุหรี่ลงได้มาก ไม่ว่าจะเป็นอาการอยากยา หงุดหงิดและกระสับกระส่าย(3) รวมถึงอาการควาจำสั้นและสมาธิสั้น(3)
“การเลิกสูบบุหรี่จะทำให้สมองของนักสูบทำงานผิดไปจากปกติ ส่งผลให้นักสูบมีความสามารถในการตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ลดลง” ดร.ไมเคิล เดอร์แคน ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการการแพทย์ของแกล็กโซสมิทไคล์น คอมซูเมอร์ เฮลธ์แคร์ (GlaxoSmithKline Consumer Healthcare) กล่าว “การสแกนภาพสมองของผู้ที่กำลังเลิกบุหรี่ช่วยให้แพทย์และนักสูบเข้าใจและบริหารอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น สำหรับนักสูบที่เคยเกิดความผิดปกติด้านการตั้งสมาธิและการตัดสินใจหลังพยายามเลิกบุหรี่ ยาอมนิโคติน NiQuitin(R) ขนาด 4 มิลลิกรัม สามารถช่วยให่ท่านเลิกบุหรี่ได้สำเร็จในที่สุด”
ผลิตภัณฑ์ยานิโคตินเป็นเภสัชภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนามาเป็นพิเศษเพื่อลดอาการผิดปกติที่เกิดจากการหยุดรับสารนิโคตินจากการสูบบุหรี่ ด้วยการช่วยให้ผู้ป่วยค่อยๆ ลดการเสพสารนิโคตินอย่างช้าๆ จนเลิกได้ในที่สุด ทั้งนี้ ยาอมนิโคติน NiQuitin(R) ขนาด 4 มิลลิกรัม มีประสิทธิภาพช่วยลดอาการอยากยา หงุดหงิดและกระสับกระส่าย(3) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นักสูบที่ใช้ผลิตภัณฑ์ยานิโคตินทั้งหลายในตลาด ซึ่งรวมถึงยาอมนิโคติน NiQuitin(R) ขนาด 4 มิลลิกรัม มีโอกาสเลิกบุหรี่ได้สำเร็จมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับการใช้ยา placebo และสามารถอดบุหรี่ได้ในระยะยาว (6 เดือนขึ้นไป)(4) ผลิตภัณฑ์ยานิโคตินอย่างพลาสเตอร์ยานิโคตินและยาอมนิโคติน NiQuitin(R) เป็นตัวเลือกแรกที่ควรใช้ในการเลิกบุหรี่และเป็นวิธีการเลิกบุหรี่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุด(5)
ผลวิจัยทางคลินิกกว่า 1,000 กรณีซึ่งมีผู้เข้าร่วมกว่า 40,000 คน แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ยานิโคตินมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการรักษาเมื่อใช้โดยตรง(4) นอกจากนั้นยังเข้าถึงได้ง่ายและมีขนาดความแรงของยาให้เลือกใช้อย่างหลากหลายด้วย(6)
เกี่ยวกับ ยาอมนิโคติน NiQuitin(R)
NiQuitin ได้รับการยอมรับว่าสามารถช่วยควบคุมอาการอยากยาจากการเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยช่วยให้นักสูบค่อยๆ ลดการรับสารนิโคตินลงทีละน้อยจนเลิกได้ที่สุด นักสูบสามารถเลือกขนาดความแรงของยาที่เหมาะสมกับแต่ละคนได้โดยวัดจากว่านักสูบเริ่มสูบบุหรี่มวนแรกของวันเร็วแค่ไหน โดยยาอมขนาด 2 มิลลิกรัมเหมาะสำหรับนักสูบที่เริ่มสูบบุหรี่มวนแรกหลังตื่นนอนเกินครึ่งชั่วโมง ส่วนยาอมขนาด 4 มิลลิกรัมเหมาะสำหรับนักสูบที่เริ่มสูบบุหรี่มวนแรกภายในครึ่งชั่วโมงหลังตื่นนอน
เกี่ยวกับการวิจัย
การวิจัยแรกในหัวข้อ “ประสิทธิภาพของยาอมนิโคตินในการลดความผิดปกติในการรับรู้ของผู้ที่พยายามเลิกสูบบุหรี่” ซึ่งจัดทำโดยแกล็กโซสมิธไคลน์ คอมซูมเมอร์ เฮลท์แคร์ เป็นการวิจัยแบบสุ่ม, มียา placebo เป็นปัจจัยควบคุม, แบ่งเป็น 2 ช่วง และผู้ถูกทดลองไม่รู้ว่าตัวเองได้รับยาอะไร โดยมีนักสูบทั้งชายและหญิงอายุระหว่าง 21-55 ปีเข้าร่วมในการทดลอง ส่วนการวิจัยที่สองในหัวข้อ “การสแกนภาพสมองที่ผิดปกติจากการขาดนิโคตินและผลของการรักษา” ซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ ในกิลด์ฟอร์ด ด้วยการสนับสนุนของแกล็กโซสมิธไคลน์ เป็นการวิจัยแบบที่ผู้ทำการทดลองรู้ว่าให้ยาใดกับผู้ถูกทดลอง และมียา placebo เป็นปัจจัยควบคุม โดยมีนักสูบทั้งชายและหญิงเขาร่วมการทดลองเช่นกัน โดยการศึกษานี้มีการใช้เครื่องสแกนสมองซึ่งสามารถประเมินการประมวลข้อมูลของสมองได้จากการวัดระดับออกซิเจนในเลือด ส่งผลให้แพทย์สามารถบอกได้ว่าการใช้ยานิโคตินส่งผลต่อการทำงานของสมองอย่างไร
เกี่ยวกับ แกล็กโซสมิทไคล์น
แกล็กโซสมิทไคล์น เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของโลกด้านการดูแลสุขภาพและเภสัชกรรม บริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนด้วยการช่วยให้พวกเขาสามารถทำสิ่งต่างๆได้มากขึ้น รู้สึกดีขึ้น และมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.gsk.com
สื่อในสหรัฐอเมริกาติดต่อ:
เทเรซ่า คาลันนี จาก โกลินแฮร์ริส
โทร: 312 729 4229
อีเมล: [email protected]
สื่อนอกสหรัฐอเมริกาติดต่อ:
แคลร์ ดิ๊กซอน ในสหภาพยุโรป
โทร: 44 20 8047 4296
อีเมล: [email protected]
โลอิค อังเดร ในโคลัมเบีย
โทร: 56 2 3829139
อีเมล: [email protected]
แอนดรูว แม็คมิลเลน ในบราซิล
โทร: 54 11 4725 8925
อีเมล: [email protected]
เฮเดอร์ เปเรซ ในเม็กซิโก
โทร: 52 55 5483 8910
อีเมล: [email protected]
แหล่งข่าว: แกล็กโซสมิทไคล์น คอมซูเมอร์ เฮลธ์แคร์
ติดต่อ: สหรัฐอเมริกา
เทเรซ่า คาลันนี จาก โกลินแฮร์ริส
โทร: 312 729 4229
อีเมล: [email protected]
นอกสหรัฐอเมริกา:
แคลร์ ดิ๊กซอน ในสหภาพยุโรป
โทร: 44 20 8047 4296
อีเมล: [email protected]
โลอิค อังเดร ในโคลัมเบีย
โทร: 56 2 3829139
อีเมล: [email protected]
แอนดรูว แม็คมิลเลน ในบราซิล
โทร: 54 11 4725 8925
อีเมล: [email protected]
เฮเดอร์ เปเรซ ในเม็กซิโก
โทร: 52 55 5483 8910
อีเมล: [email protected]
เว็บไซต์: http://www.gsk.com
--เผยแพร่โดย เอเชียเน็ท ( www.asianetnews.net ) --
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit