กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง
น.พ.วิทยา บุญวรพัฒน์ นายกสมาคมศาสตร์การแพทย์แผนจีน (The Chinese Medical Association) ที่ปรึกษาชมรมฟื้นฟูผู้ป่วยโรคมะเร็ง กล่าวในงาน “walk rally หนีมะเร็ง” ซึ่งจัดขึ้นที่สวนรถไฟ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ปัจจุบันแพทย์ทางเลือกกำลังมีบทบาทมากขึ้นในการช่วยรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยโรคมะเร็ง การพัฒนาด้านการแพทย์ในช่วงหลังจึงมีการนำแพทย์ทางเลือกมาผสมผสานกับการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยให้การรักษาแพทย์แผนปัจจุบันเป็นเสาหลัก และแพทย์ทางเลือกเป็นทางเลือกที่เข้ามาเสริมเพื่อฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วย ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรักษาด้วยแผนปัจจุบันได้อย่างต่อเนื่องและครบถ้วน ทำให้อัตราการรักษาหายขาดมีเปอร์เซนต์สูงมากขึ้น
ปัจจุบันสมุนไพรมีบทบาทในการต่อต้านเซลล์เนื้อร้ายนอกเหนือไปจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด ซึ่งยาหลายชนิดมีฤทธิ์แรง และยาที่ใช้นั้นจะมีผลต่อไขกระดูก เยื่อบุลำไส้ จึงทำให้มีข้อจำกัดในการรักษาด้วยเคมีบำบัด ทำให้ผู้คนหันมาศึกษาและนิยมการบำบัดโดยวิธีการแพทย์ทางเลือกมากขึ้น อาศัยธรรมชาติบำบัดมากขึ้น เช่น ชาวฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซีย และในอเมริกา ทั้งการใช้ยารักษาที่เป็นสมุนไพรธรรมชาติ หรือการฝังเข็ม แต่อย่างไรก็ตาม หากต้องการหันมารักษาด้วยการแพทย์ทางเลือกเหล่านี้ ควรพิจารณาเลือกการบำบัดให้เหมาะสมกับผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยแต่ละคนจะมีปัญหาเฉพาะเรื่องที่ต่างกันไป และที่สำคัญคือจิตใจหรือกำลังใจของผู้ป่วยต้องได้รับการฟื้นฟูไปพร้อมๆ กันด้วย
“เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรักษา ความไม่สบายกายต่างๆ ที่ต้องประสบในช่วงนี้ บวกกับความเจ็บปวดทางกายและความกระวนกระวายทางจิตใจ ทำให้ผู้ป่วยหมดกำลังใจในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง จำเป็นมากที่ผู้ป่วยต้องมีกำลังใจและการดูแลเอาใจใส่ที่ดีจากคนในครอบครัวหรือคนรอบข้าง ซึ่งปัจจุบันชมรมฯ ได้พยายามให้คำแนะนำในการดูแลที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วยและญาติ สร้างกำลังใจให้พวกเขาต่อสู้ ทั้งการเผยแพร่เป็นเอกสารหรือการจัดกิจกรรมให้ความรู้และสันทนาการต่างๆ”
ที่ปรึกษาชมรมฯ กล่าวอีกว่า เรื่องโภชนบำบัดสามารถช่วยได้อย่างมาก เนื่องจากในช่วงที่เข้ารับการรักษาแบบเคมีและรังสีบำบัด จะก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อระบบการย่อยอาหารของร่างกาย ส่งผลต่อปริมาณสารอาหารที่ร่างกายต้องการ หลักการบำบัดด้วยโภชนาการที่เหมาะสมร่วมกับการรักษาทางการแพทย์จึงช่วยในการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคมะเร็งได้อย่างมาก เพียงแต่ต้องมีความเข้าใจและปฏิบัติตามแนวทางอย่างเคร่งครัด
กรณีของผู้ป่วยมะเร็งปอด ควรดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ ให้ผู้ป่วยสูดดมไอน้ำร้อนเพื่อละลายเสมหะเหนียวในช่องปอดจะช่วยให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกขึ้น ส่วนผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานข้าวเหนียว ซึ่งเป็นอาหารที่บำรุงน้ำเหลือง อาจทำให้แผลหายช้า หลีกเลี่ยงเนื้อวัว กระเทียม พืชที่มีกลิ่นแรงต่างๆ เพื่อลดปัญหาเรื่องกลิ่น และหมั่นรักษาความสะอาดบริเวณปากแผลให้มาก
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับควรหลักเลี่ยงอาหารมันๆ รับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีมากๆ ห้ามดื่มเหล้า ห้ามสูบบุหรี่ ในรายที่มีปัญหาท้องเสียอืดแน่น รับประทานได้น้อย หิวบ่อย ควรให้ดื่มน้ำหวานเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไป รับประทานอาหารที่มีกากน้อย แบ่งอาหารเป็นหลายๆ มื้อ ให้ผู้ป่วยรับประทานได้ตลอดเวลา เป็นต้น
ผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือสนใจร่วมกิจกรรมต่าง ๆ สามารถติดต่อได้ที่ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง โทร 0-2664-0078-9 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit