อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของอิเมอร์สัน (NYSE:EMR) และผู้นำระดับโลกในการเพิ่มความเชื่อถือได้ สมรรถภาพ และประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญให้สูงสุดได้แนะนำเครื่องจ่ายไฟ (PDU)แบบแร็คตระกูลใหม่ ประกอบด้วย PDUแบบแร็คที่จัดการด้วย MPH2 และโมดูลสื่อสารแบบ RPC2 ซึ่งขณะนี้มีจำหน่ายแล้วทั่วโลก เครื่องจ่ายไฟรุ่นใหม่นี้มอบระดับการมีพลังงานพร้อมใช้และประสิทธิภาพสูงสุดให้กับเครื่อง PDU แบบแร็คโดยรวมพลังงานในระดับแร็คและข้อมูลการสังเกตการณ์สภาวะแวดล้อมเพื่อการจัดการศูนย์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
เครื่อง PDU แบบแร็ค MPH2 เป็นรุ่นที่ทนทานต่ออุณหภูมิสูงสุดรุ่นหนึ่งในอุตสาหกรรม และทำงานร่วมกับโมดูลสื่อสาร RPC2 ทำให้มีความสามารถในการจัดการระยะไกลอย่างครอบคลุมและการสังเกตการณ์และความคุมโหลดการใช้งานที่เชื่อมต่ออยู่แบบ real-time ช่วยให้มีพลังงานพร้อมใช้งานได้สูงสุดในขณะที่ช่วยผู้จัดการแผนกไอทีให้สามารถสังเกตการณ์ พยากรณ์และจัดการความเปลี่ยนแปลงต่างๆในศูนย์ข้อมูลได้ การผสานการจัดการมาตรฐานอุตสาหกรรมและโปรโตคอลที่ตรวจสอบตัวจริงช่วยให้ MPH2 ทำงานร่วมกับเครือข่ายสื่อสารและไอทีที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย
“พวกเราทดสอบโซลูชั่น PDU แบบแร็คมีสวิทช์ชั้นนำของอุตสาหกรรมหลายอย่างและพบว่าโซลูชั่น MPH2 ของอิเมอร์สันมีระดับความมีพลังงานพร้อมใช้และประสิทธิภาพสูงสุด” นายเครก ฮิลแมน CEO ของบริษัท DfR Solutions ซึ่งเป็นตัวแทนตรวจสอบอิสระที่เปรียบเทียบเครื่อง PDU แบบแร็คที่จัดการด้วย MPH2 รุ่นสวิทช์ที่ใช้โมดูลสื่อสาร RPC2 กับเครื่อง PDU แบบแร็คคู่แข่งจากบริษัทชั้นนำอีก 3 รุ่นกล่าวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่นี้ช่วยให้ประโยชน์ต่อศูนย์ข้อมูลในด้านต่อไปนี้:
· ความมีพลังงานพร้อมใช้สูง: ด้วยการใช้รีเลย์แบบทวิเสถียร (bistable relay) และโมดูลสื่อสาร RPC2 PDU แบบแร็ค MPH2 ช่วยจ่ายไฟพื้นฐานไปยังโหลดใช้งานที่เชื่อมต่ออยู่ภายใต้สภาวะที่อัจฉริยภาพภายในเครื่องถูกลดทอนลง โดยทั่วไปตำแหน่งของ PDU แบบแร็คจะอยู่ด้านหลังแร็คใกล้กับช่องทางระบายลมร้อน ต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่รุนแรงในศูนย์ข้อมูล ตำแหน่งนี้มักพบว่ามีอุณหภูมิสูง 50 องศาเซลเซียส ทว่า PDU แบบแร็ค MPH2 สามารถทำงานได้ภายใต้อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ซึ่งช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
· มีการจัดการพลังงานและสมรรถภาพที่เหมาะสม: เครื่อง MPH2 มีการใช้พลังงานต่ำที่สุดในกลุ่ม PDU แบบแร็คมีสวิทช์ทั้งหมด เมื่อเปรียบเทียบ PDU แบบแร็คมีสวิทช์รุ่นต่างๆในศูนย์ข้อมูล 100 แร็คทั่วไปที่มี PUE เท่ากับ 1.9 พบว่าโมดูล MPH2 อาจช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 46 เหรียญสหรัฐต่อแร็ค หรือ 4600 เหรียญสหรัฐต่อศูนย์ข้อมูล 100 แร็คขนาดกลางแห่งหนึ่ง
· ผสมผสานกับเครื่องมือจัดการต่างๆให้ง่ายขึ้น: อาจประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วยการรวมการเชื่อมต่อผู้ใช้ IP และการสังเกตการณ์อุปกรณ์ต่างๆ ด้วยการเชื่อมต่อ PDU แบบแร็ค MPH2 ได้สูงสุด 4 เครื่องโดยทำเป็น Rack PDU Array รองรับการจัดการมาตรฐานอุตสาหกรรมหลัก, การพิสูจน์ตัวจริงและมาตรฐานและโปรโตคอลแบบ encryption ทั้งหมด และยังผสมผสานเข้ากับ KVM, serial console และระบบจัดการโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำของอุตสาหกรรมของอิเมอร์สันได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังผสานพลังงานระดับแร็คและข้อมูลสังเกตการณ์สภาวะแวดล้อมจาก PDU แบบแร็ค ด้วยซอฟแวร์จัดการศูนย์ข้อมูลระดับที่สูงขึ้นจากอิเมอร์สันหรือบุคคลที่สาม
· การผสานด้านกายภาพและไฟฟ้าอย่างง่ายดาย: สามารถจัดส่ง PDU แบบแร็คชนิดที่ติดตั้งมาล่วงหน้าแล้วในแร็คของอิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ซึ่งจะช่วยให้ทำงานได้เร็วและสามารถเก็บรักษาทรัพยากรศูนย์ข้อมูลสำหรับงานที่สำคัญอื่นๆ ได้ หรืออาจติดตั้งในแร็คของเครื่องยี่ห้ออื่นๆในอุตสาหกรรมโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ
โมดูลสื่อสาร RPC2 ช่วยให้การสื่อสารกับเครือข่ายที่สามารถอัพเกรดได้อย่างรวดเร็ว เซ็นเซอร์ที่แม่นยำ และอินเตอร์เฟซหน้าจอที่สามารถเข้าถึงได้แบบโลคอล หรือแบบระยะไกลผ่านซอฟแวร์จัดการโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยผู้จัดการศูนย์ข้อมูลให้สามารถวัดค่าพารามิเตอร์ด้านสภาวะแวดล้อมและไฟฟ้าที่สำคัญๆ รวมทั้งติดตั้งค่าเริ่มต้น การเตือนและแจ้งข่าว และสามารถควบคุมและจัดการเต้ารับแต่ละอันและ/หรือกลุ่มของโหลดใช้งานและอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างง่ายดาย ความแม่นยำสูงของโมดูลวัดค่าได้ +/- 1 % และสามารถรายงานการจัดการเชิงรุกสำหรับอุปกรณ์ต่างๆทิ่เชื่อมต่อ และช่วยฟื้นฟูอรรถประโยชน์ของศูนย์ข้อมูลที่เป็นภาระของลูกค้าไอที
“เมื่อสภาวะแวดล้อมศูนย์ข้อมูลมีความซับซ้อนมากขึ้นและเปลี่ยนแปลงตลอด ธุรกิจต่างๆพากันใช้วิธีเชิงรุกในการจัดการการดำเนินงานศูนย์ข้อมูลมากขึ้น เพื่อรักษาความมีพลังงานพร้อมใช้และประสิทธิภาพให้สูงสุด ในกรณีนี้ PDU แบบแร็คอัจฉริยะจะมีบทบาทสำคัญ” นายชี โฮ ลิง รองประธาน องค์การบริหารการตลาด อิเมอร์สันเนทเวอร์ค พาวเวอร์ในเอเชียกล่าว “PDU แบบแร็คของอิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์มีการออกแบบให้มีพลังงานพร้อมใช้สูง มีการวัดพลังงานอัจฉริยะและมีคุณสมบัติการจัดการระยะไกล ให้ความกระจ่างด้านการใช้พลังงานไอทีและสภาวะการทำงานของแร็ค ดังนั้นศูนย์ข้อมูลต่างๆจะทำงานอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นสูงสุด”
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit