เด็กชายนิธิกร พรมคำบุตร นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านห้วยผึ้ง จังหวัดอุตรดิตถ์ หนึ่งในเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการตะลุยโลกแสตมป์ เล่าถึงเหตุผลที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ว่า เนื่องจากครอบครัวของตนประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก โดยการปลูกข้าวควบคู่กับการเลี้ยงสัตว์ใหญ่อย่าง โค จำนวนหนึ่ง จึงอยากเข้ามาเรียนรู้แนวทางการเลี้ยง วิธีป้องกันโรคที่อาจเกิดในโค รวมถึงการดูแลความสะอาดของโรงเรือน ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 โดยมีความตั้งใจว่า หากตนได้รับคัดเลือกเข้ามาเรียนรู้ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร ในโครงการตะลุยโลกแสตมป์ ตอน 'ท่องแดนภูพาน ห้องทรงงานของพระราชา' จะตั้งใจนำทุกความรู้ที่ได้ไปเล่าให้ปู่และย่าฟัง และลองปรับใช้กับการเลี้ยงโคที่บ้าน ซึ่งภายหลังจากทราบประกาศรายชื่อว่า ตนได้รับการคัดเลือก จึงรีบวิ่งไปบอกปู่และย่าทันทีด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับเตรียมจัดเสื้อผ้าเพื่อรอให้วันกิจกรรมมาถึงอย่างใจจดจ่อ
เด็กชายนิธิกร เล่าต่อว่า เมื่อวันกิจกรรมมาถึง ตนและเพื่อนๆ ในรถบัสคันใหญ่ได้เดินทางมาถึงศูนย์ฯ ภูพานกันแต่เช้าตรู่ และสิ่งแรกที่ตนได้สังเกตเห็นคือ ผืนนาข้าวสีเขียวทอดยาวจนสุดลูกหูลูกตา ซึ่งคุณลุงเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ได้เล่าให้ฟังว่า ศูนย์ฯ แห่งนี้ มีพื้นที่กว่า 13,300 ไร่ โดยถูกแบ่งเป็นพื้นที่ตัวอย่างในการประกอบอาชีพของประชาชนอีสานทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น การเพาะพันธุ์ปลานิลแปลงเพศ การเลี้ยงปลาดุกในบ่อซีเมนต์ การเลี้ยงสัตว์ที่ทนต่อโรค เลี้ยงง่าย แถมยังขายได้ราคาดี อย่าง 3 ดำมหัศจรรย์ ที่ประกอบด้วย หมูดำ ไก่ดำ และวัวเนื้อทาจิมะ รวมถึงการทำเกษตรแบบผสมผสาน ซึ่งสิ่งที่ตนได้มาเห็นและได้เรียนรู้จากศูนย์ฯ ภูพานแห่งนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่พระองค์ท่านได้ทำเพื่อประชาชนคนไทยจากทั้งหมดกว่า 4,000 โครงการ ก็ยิ่งทำให้ตนรู้สึกว่า สิ่งที่ท่านทำไว้ยิ่งใหญ่เกินคนหนึ่งคนจะทำได้ และยิ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปู่และย่าของตนถึงยกมือไหว้กรอบรูปที่ผนังบ้านทุกครั้งก่อนออกไปทำนา
อย่างไรก็ตาม พอได้เห็นแสตมป์ชุด "ฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี" ที่พี่ๆ ไปรษณีย์ไทยได้ให้ไว้เพื่อเป็นที่ระลึก จึงทำให้รู้ว่า ยังมีศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อีก 5 แห่งที่พระองค์ได้จัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นตัวอย่างการพัฒนาการเกษตรแบบครบวงจรกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยอีกด้วย ก็ยิ่งทำให้ตนรู้สึกภูมิใจที่ได้รับคัดเลือกมาเรียนรู้หลักคิดตามรอยในหลวง รัชกาลที่ 9 ในครั้งนี้ พร้อมทั้งตั้งใจว่า เมื่อโตขึ้นจะลองออกเดินทางไปเรียนรู้ที่ศูนย์ต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้กับที่บ้านอีกด้วย เด็กชายนิธิกร เล่าทิ้งท้าย
เด็กหญิงจิตภินันท์ โพธิ์อ่อนจรุญ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเซนต์แมรี่ จังหวัดอุดรธานี ตัวแทนเยาวชนที่เข้าร่วมกิจกรรมตะลุยโลกแสตมป์ เล่าว่า ทันทีที่ทราบว่า ไปรษณีย์ไทย จะมีการจัดกิจกรรมตะลุยโลกแสตมป์จากเพื่อนที่โรงเรียน ตนก็รีบไปบอกกับครอบครัวว่าขอเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมกับเขียนเรียงความเพื่อส่งไปคัดเลือกทันที เนื่องจากทราบมาว่าเป็นกิจกรรมที่ให้ความรู้มากมาย ผ่านทำกิจกรรมสุดสนุกต่างๆ โดยครั้งนี้จะเป็นการพาไปดูห้องทำงานจริงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ จ.สกลนคร ซึ่งนอกจากจะแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรแล้ว ยังมีด้านงานฝีมืออีกด้วย ซึ่งในกิจกรรมนี้ตนรู้สึกสนุกและตื่นเต้นมาก เพราะคุณครูได้เปิดโอกาสให้ได้ลองทำด้วยตนเอง เช่น การสาวไหมจากรังไหม เพื่อนำเส้นไหมที่ได้มาถักทอเป็นผ้าผืนใหญ่ และการทำผ้ามัดย้อม เพื่อทำให้ผ้าผืนมีลวดลายและสีที่สวยงามจากน้ำครามที่หมักเอง ฯลฯ ทั้งนี้ ในอนาคต ตนตั้งใจว่าหากไปรษณีย์ไทย มีกิจกรรมแบบนี้อีก ก็อยากมาเข้าร่วมอีกครั้ง เพราะนอกจากจะได้รับความรู้ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ แล้ว ยังได้เจอเพื่อนใหม่จากต่างโรงเรียนอีกด้วย
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย มีความตั้งใจในการจัดกิจกรรมเพื่อเยาวชนและสังคมเช่นนี้ต่อไปในทุกๆ ปี เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เรียนรู้ และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ภายใต้แนวคิด "ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งรอบรู้" อันเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ด้าน CSR ของไปรษณีย์ไทย ในการสร้างความรอบรู้ผ่านดวงแสตมป์ ควบคู่ไปกับการปลูกฝังให้เยาวชนเห็นคุณค่า และใส่ใจความเป็นอยู่ของสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรู้จักสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้อื่น
สำหรับประชาชนที่สนใจแสตมป์ที่ระลึกชุดพิเศษอย่าง "ฉลองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี" ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช บรมนาถบพิตร สามารถหาซื้อได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ในราคาดวงละ 9 บาท เต็มแผ่น 45 บาท (5 ดวง) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายตลาดตราไปรษณียากร 0 2831 3856 เฟซบุ๊ก stamp in love หรือทางไลน์ @stampinlove
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit