สำหรับสุกรที่เป็นโรคจะแสดงอาการความผิดปกติทางระบบสืบพันธุ์ เช่น แม่สุกรจะผสมติดยาก เกิดการแท้งในช่วงท้ายของการตั้งท้อง อัตราการตายของลูกสุกรแรกคลอดสูง อัตราการเข้าคลอดต่ำ และยังแสดงอาการผิดปกติของระบบทางเดินหายใจ เช่น หายใจลำบาก และอีกทั้งสุกรที่ได้รับเชื้อจะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้มีโอกาสติดเชื้อโรคแทรกซ้อนอื่นๆได้ง่าย นอกจากนี้สุกรที่ไม่ได้แสดงอาการป่วยยังสามารถแพร่กระจายโรคแก่สุกรตัวอื่นได้ และที่สำคัญโรคนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่แน่นอน โดยรักษาได้เพียงตามอาการเท่านั้น
ดังนั้น เพื่อเป็นการลดความสูญเสียสุกรต่อโรคดังกล่าวนี้การป้องกันโรคจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงควรเอาใจใส่สุกรที่เลี้ยง โดยกรมปศุสัตว์ได้เน้นให้เกษตรกรผู้เลี้ยงคำนึงถึงการเลี้ยงสุกรโดยการนำมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพมาปรับใช้ในการเลี้ยงสุกร เช่น สุกรที่นำเข้ามาเลี้ยงต้องมาจากแหล่งที่ปลอดโรค มีการจัดการการเลี้ยงสุกรที่ดี โรงเรือนที่เลี้ยงสุกรต้องมีความเหมาะสม เป็นต้น ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะเป็นการป้องกันการเกิดโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเหมาะสมกับการเลี้ยงสุกรในประเทศไทยด้านนาย
สัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรโดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยปรับปรุงวิธีการเลี้ยงสุกรโดยนำมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพเข้ามาประกอบการเลี้ยงสุกร ซึ่งรายละเอียดมาตรการนั้นเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรสามารถขอรับข้อมูลได้ที่เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ในพื้นที่ทุกแห่ง และหากเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรพบสุกรมีอาการของโรคลักษณะดังกล่าว หรือพบสุกรตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทั่วประเทศทันที เพื่อกรมปศุสัตว์จะได้ทำการตรวจสอบและดำเนินการควบคุมโรคเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่อไป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit