นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปี 2558 นี้ เป็นปีที่เอปสัน ประเทศไทย ได้ดำเนินธุรกิจมาครบ 25 ปี เพื่อฉลองโอกาสพิเศษนี้ บริษัทฯ จึงได้จัดแคมเปญซีเอสอาร์หรือโครงการเพื่อสังคมขึ้น เพื่อแทนคำขอบคุณและแสดงถึงความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมไทย โดยบริษัทฯ จะมอบโซลูชั่นห้องเรียนอัจฉริยะที่เรียกว่า Epson Smart Classroom ให้แก่โรงเรียน 25 แห่งในไทยและประเทศอื่นๆ ที่เอปสัน ประเทศไทยให้การดูแลอยู่ ได้แก่ เวียดนาม พม่า กัมพูชา ลาว และปากีสถาน ซึ่งรวมแล้วมีมูลค่าโครงการกว่า 8 ล้านบาท โดยจะเริ่มติดตั้งที่โรงเรียนกาญจนานุเคราะห์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นโรงเรียนต้นแบบ และจะติดตั้งครบทุกแห่งภายในสิ้นปีนี้
“สำหรับเอปสัน เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนในทุกประเทศที่เราอยู่ และได้มีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดีขึ้นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เรามี เราจึงจัดให้ซีเอสอาร์เป็นส่วนสำคัญในปรัชญาองค์กร เพื่อตอบแทนสังคมที่เราดำรงอยู่ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ได้จัดขึ้น ที่ผ่านมาเอปสัน ประเทศไทยจะเน้นจัดกิจกรรมซีเอสอาร์กับเยาวชนเป็นหลัก โดยมุ่งพัฒนาคุณภาพในทุกด้าน ทั้งการศึกษา การกีฬา และวิชาชีพ และในโอกาสพิเศษนี้ก็เช่นกัน บริษัทฯ ได้รวมเทคโนโลยีต่างๆ จัดเป็นโซลูชั่น Epson Smart Classroom ที่จะเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียน ให้เป็นสังคมการเรียนรู้เต็มรูปแบบ ซึ่งสอดคล้องกับโครงการห้องเรียนอัจฉริยะ หรือ Smart Classroom ที่สำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้ริเริ่มขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาสร้างรูปแบบการเรียนการสอนที่มีการสื่อสารแบบสองทาง โดยมีนักเรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้และครูเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ”
โซลูชั่น Epson Smart Classroom ประกอบด้วยส่วนฮาร์ดแวร์ที่เป็นเทคโนโลยีของเอปสัน ได้แก่ พรินเตอร์แท็งค์แท้ออลอินวัน รุ่น L350 ที่สามารถรองรับการพิมพ์ปริมาณมากด้วยต้นทุนต่อแผ่นที่สุดคุ้มพร้อมชุดหมึกและโปรเจ็คเตอร์ระยะฉายภาพสั้นรุ่น EB-485wi ทั้งยังมีแท็บเล็ต โน้ตบุ๊ค พีซี สำหรับครูและนักเรียน รวมถึงอุปกรณ์เราท์เตอร์และเซิร์ฟเวอร์
ในส่วนของเนื้อหาวิชาการหรือคอนเทนท์ที่นำมาใช้ในนั้น Epson Smart Classroom ถูกออกแบบให้เปิดกว้างและสามารถรองรับคอนเทนท์ได้ทุกรูปแบบในหลากหลายที่มา (Sources) ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนท์ที่ทางโรงเรียนหรือครูผู้สอนได้สร้างสรรค์ขึ้นเอง โดยประยุกต์จากประสบการณ์การสอนที่ผ่านมา หรือคอนเทนท์ที่เป็น Opened sources ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้จาก Social หรือสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น คอนเทนท์ใน iTunesU ที่สำคัญที่สุดคือ เราสามารถรองรับคอนเทนท์ของทางกระทรวงศึกษาธิการได้เป็นอย่างดี ทั้งคอนเทนท์ที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน และคอนเทนท์ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงพัฒนาและจะถูกนำมาบรรจุใช้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งสำหรับคอนเทนท์มาตรฐานได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการนี้ มีความโดดเด่นตรงที่มีฟังก์ชั่นสนับสนุนการเรียนการสอนที่ครบวงจร ทั้งแบบเรียน แบบฝึกหัด และกิจกรรมสำหรับการทำงานกลุ่ม เปิดโอกาสให้ครูและนักเรียนได้แชร์ข้อมูลกัน รวมถึงแบบทดสอบวัดระดับความเข้าใจ และยังมีเกมที่ให้นักเรียนได้เล่นสนุกเสริมความรู้อีกด้วย
นอกจากนี้ เอปสันเองยังเพิ่มซอฟต์แวร์บริหารจัดการกระบวนการเรียนการสอนในชั้นเรียน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสอนของคุณครู สามารถวัดผลความเข้าใจในเนื้อหา และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียนได้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ฟังก์ชั่น Sketch หรือ Comment ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยให้ครูผู้สอนและนักเรียน ได้แบ่งปันสิ่งที่ได้เรียนรู้และลองถูกลองผิดกับบทเรียนหรือแบบทดสอบที่แตกต่างไปของนักเรียนคนอื่นได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดการคิดวิเคราะห์ แสดงความคิดเห็น และประมวลผลการเรียนรู้ในมิติที่กว้างกว่าเดิมมากหลังจากที่ได้ดำเนินโครงการไปสักระยะแล้ว เอปสันมีแผนจะสร้าง Epson Smart Classroom Champion โดยคัดเลือกตัวแทนจำนวนหนึ่งจากแต่ละโรงเรียนเพื่อเข้าอบรมอย่างต่อเนื่อง ให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ที่ตัวแทนแต่ละโรงเรียนได้รับแตกต่างกัน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืนในอนาคต
นอกจากนั้น เมื่อติดตั้ง Epson Smart Classroom แล้วเสร็จ เอปสันยังให้บริการเรื่องการซ่อมบำรุงและการฝึกอบรมการใช้เครื่องและซอฟต์แวร์ของเอปสันให้กับครูและเจ้าหน้าที่ไอทีของโรงเรียนอีกด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าโรงเรียนสามารถใช้งานโซลูชั่นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีความสมบูรณ์ทั้งอุปกรณ์ ตัวระบบ และการบริหารจัดการ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่ถูกพัฒนาให้เหนือกว่าโครงการเพื่อการศึกษารูปแบบเดิมๆ
นายยรรยง กล่าวถึงเกณฑ์การคัดเลือกโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการว่า “เอปสันจะพิจารณาจากองค์ประกอบ 3 ด้าน ได้แก่ 1) นโยบายของโรงเรียนที่ต้องการใช้เทคโนโลยีอันทันสมัย มายกระดับมาตรฐานการเรียนการสอน และนำ ไปต่อยอดในการสร้างคอนเทนท์ในแต่ละรายวิชาของโรงเรียนเอง 2) ความสนใจและความสามารถของครูในการ ใช้เทคโนโลยีและนำไปต่อยอด 3) ความพร้อมด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน”
“หลังจากติดตั้งและทดลองใช้กับโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์แล้ว ทางเอปสันจะเริ่มเฟสสองด้วยการกระจาย ติดตั้งโซลูชั่นดังกล่าว ในอีก 4 โรงเรียนในภูมิภาคเป้าหมายในต้นไตรมาสสาม และตามด้วยเฟสสามอีก 10 โรงเรียน ซึ่งจะเป็นแพ็คเกจโซลูชั่นขนาดย่อม ส่วนในเฟสสุดท้ายจะเป็นกลุ่มโรงเรียนในต่างประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้าย”
“เอปสันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการ Epson Smart Classroom จะช่วยพัฒนาศักยภาพและคุณภาพของนักเรียน ให้รู้จักคิดวิเคราะห์ เกิดรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความร่วมมือระหว่างครูและนักเรียน ทั้งยังสร้างการเรียนรู้ที่ ไม่สิ้นสุด นักเรียนได้รับการเตรียมความพร้อมให้สามารถแข่งขันในสังคม โดยเฉพาะยุค AEC กำลังจะเริ่มขึ้นในเร็ววันนี้ และสุดท้าย Epson Smart Classroom จะมีส่วนช่วยพัฒนาการศึกษาไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน”นายยรรยง กล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit