ปัจจุบันโรงเรียนมาบช้างนอนมีนักเรียนประมาณ 65 คน ช่วงอายุระหว่าง 6-12 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ร้อยละ 90 ของอุปกรณ์ต่างๆในสนามเด็กเล่นได้ชำรุดและไม่สามารถใช้งานได้ ด้วยเหตุผลนี้บีเอเอสเอฟ และมูลนิธิศุภนิมิต จึงได้ริเริ่มโครงการ “สนามเด็กเล่นวิถีธรรมชาติ” เป็นสนามเด็กเล่นที่ปลอดภัยเพื่อพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเด็กๆ
“ที่บีเอเอสเอฟ หนึ่งในประเด็นสำคัญของการรับผิดชอบต่อสังคมคือการให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่ชุมชนที่เราดำเนินกิจการอยู่ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่ดีต่อสุขภาพเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางร่างกายและจิตใจของเด็กๆ” เพทรูซ อึ้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีเอเอสเอฟ (ไทย) จำกัด “เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับมูลนิธิศุภนิมิตฯ อีกครั้งเพื่อทำสิ่งที่มีความหมายต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม”
สนามเด็กเล่นทั่วไปมักติดตั้งด้วยอุปกรณ์สำเร็จรูปที่ทำจากโลหะหรือพลาสติกโดยมีอายุการใช้งานสั้น เมื่อเสื่อมสภาพแล้วมักจะไม่สามารถซ่อมแซมได้ โครงการนี้ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่นไม้และเชือกในการออกแบบและสร้างสนามเด็กเล่นโดยใช้วิธีการแบบดั้งเดิม ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นจากชุมชน ซึ่งหากอุปกรณ์ในสนามเด็กเล่นชำรุดก็สามารถซ่อมแซมโดยใช้วัสดุจากธรรมชาติที่มีในท้องถิ่น ชาวบ้านจากหมู่บ้านรอบ ๆ ก็มีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างสรรค์โครงการนี้ด้วยเช่นกัน
โครงการ “สนามเด็กเล่นวิถีธรรมชาติ” มีองค์ประกอบหลัก 4 ประการ ได้แก่ ความปลอดภัย ความสะดวก ความสนุกสนาน และการบำรุงรักษา สนามเด็กเล่นส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆของเด็กรวมถึงทักษะด้านอารมณ์และพฤติกรรมทางสังคม การติดตั้งอุปกรณ์สนามเด็กเล่นที่หลากหลายสามารถส่งเสริมจินตนาการของเด็กๆไปพร้อมๆกับการปลูกฝังความอ่อนโยนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
“ด้วยความร่วมมือกับบีเอเอสเอฟ เรามีส่วนร่วมกับครู นักเรียน และชุมชนในทุกขั้นตอนของโครงการ สนามเด็กเล่นวิถีธรรมชาติสามารถให้เด็ก ๆ ได้มีทักษะการค้นหาและใกล้ชิดกับธรรมชาติ” ภูริต ยศสุนทรากุล ผู้จัดการส่วนงานระดมทุนองค์กร มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย
“โอกาสในการเล่นกลางแจ้งท่ามกลางธรรมชาติมีความสำคัญต่อพัฒนาการรอบด้านของเด็ก ๆ ด้วยการสนับสนุนอย่างดีเยี่ยมจาก บีเอเอสเอฟ และมูลนิธิศุภนิมิตฯ เรามีความสุขที่ได้เห็นสนามเด็กเล่นแห่งใหม่ของเราซึ่งสนับสนุนให้เด็กๆมีพัฒนาการได้อย่างเต็มศักยภาพ” ปัทมา เชื้อรอด ผู้อำนวยการโรงเรียนมาบช้างนอน
เกี่ยวกับบีเอเอสเอฟในประเทศไทย
บีเอเอสเอฟดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 50 ปี โดยมีพนักงานจำนวน 623 คน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 และนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ผลิตภัณฑ์โซลูชั่นส์การเกษตร เคมียานยนต์ เคมีเพื่อสุขภาพและโภชนาการ และ แพคเกจจิ้ง ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ และโรงงานผลิตในอีก 3 จังหวัดทั่วประเทศ ตลอดจนศูนย์ปฏิบัติการวิจัยสำหรับสีพ่นเคลือบและโพลียูรีเธนส์ที่จังหวัดสมุทรปราการ บีเอเอสเอฟมียอดขายในประเทศไทย 477 ล้านยูโรในปี 2562 ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบีเอเอสเอฟในประเทศไทยได้ที่เว็บไซต์ www.basf.com/th/
เกี่ยวกับบีเอเอสเอฟ
สำหรับบีเอเอสเอฟ เราสร้างเคมีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เราผสานความสำเร็จทางเศรษฐกิจ ร่วมกับการปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยพนักงานจำนวนกว่า 117,000 คนของกลุ่มบริษัทบีเอเอสเอฟทุ่มเททำงานเพื่อความสำเร็จของลูกค้าในแทบทุกอุตสาหกรรมและเกือบทุกประเทศทั่วโลก กลุ่มธุรกิจของ บีเอเอสเอฟประกอบไปด้วย 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเคมีภัณฑ์ กลุ่มแมททีเรียล กลุ่มอินดัสเทรียลโซลูชั่นส์ กลุ่มเทคโนโลยีพื้นผิววัสดุ กลุ่มเคมีเพื่อสุขภาพและโภชนาการ และกลุ่มโซลูชั่นส์การเกษตร บีเอเอสเอฟมียอดขายมากกว่า 59 พันล้านยูโรในปี 2562 หุ้นของบีเอเอสเอฟได้มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่แฟรงก์เฟิร์ต (BAS) และ American Depositary Receipts (BASFY) ในสหรัฐอเมริกา ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบีเอเอสเอฟได้ที่เว็บไซต์ www.basf.com
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit