ตลาดการซื้อขายโรงแรมในไทยคึกคัก นักลงทุนเล็งซื้อหลังเห็นธุรกิจโรงแรมเริ่มปรับตัวดีขึ้น

08 Sep 2011

กรุงเทพฯ--8 ก.ย.--โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์

จากการที่ธุรกิจโรงแรมทั่วเอเชียแปซิฟิกฟื้นตัวดีขึ้น นักลงทุนกำลังให้ความสนใจเข้าซื้อโรงแรมในไทย โดยครึ่งแรกของปีนี้ มีการซื้อขายโรงแรมรายการใหญ่ไปแล้ว 2 โรงแรมรวมมูลค่า 3.46 พันล้านบาท ตามการรายงานจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์

รายงานจากโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ระบุว่า แม้มูลค่าการซื้อขายโรงแรมในไทยจะยังห่างไกลเมื่อเทียบกับช่วงที่เคยมีการซื้อขายมากที่สุดถึง 1.6 หมื่นล้านบาทในปี 2549 แต่มีความเป็นไปได้ว่า ตลอดปี 2554 นี้ การซื้อขายโรงแรมในไทยจะมีมูลค่าสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยในช่วงที่ผ่านมาในปีนี้ มีการซื้อขายโรงแรมในกรุงเทพฯ หนึ่งแห่งมูลค่าประมาณ 2 พันล้านบาท และที่ภูเก็ตอีกหนึ่งแห่งมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านบาท เทียบกับตลอดปี 2553 ที่มีการลงทุนซี้อขายโรงแรมเกิดขึ้นรวมมูลค่า 5.5 พันล้านบาท เป็นการซื้อขายโรงแรมในภูเก็ตมูลค่า 4 พันล้านบาทและโรงแรมในสมุยมูลค่า 1.5 พันล้านบาท

นายไมค์ แบทเชเลอร์ กรรมการผู้จัดการหน่วยงานบริการการลงทุนซื้อขายโรงแรม โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ กล่าวว่า “ผู้ขายส่วนใหญ่ยังคงจำกัดอยู่ในกลุ่มของนักลงทุนประเภทสถาบันและบริษัท เว้นแต่กรณีของการขายรีสอร์ทบ้านตลิ่งงามที่เกาะสมุยในปี 2553 ซึ่งเป็นการขายโดยเจ้าหนี้ของเจ้าของเดิม ส่วนผู้สนใจซื้อมีหลายประเภท อาทิ นักลงทุนเอกชน บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กองทุน รวมถึงบุคคลผู้มีฐานะ ทั้งนี้ นักลงทุนที่มีบทบาทเด่นในประเทศไทยคือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีส่วนในการซื้อขายโรงแรมเมอร์เคียว เกาะสมุย และโรงแรมดุสิตธานี ลากูนา ภูเก็ต ซึ่งในกรณีของโรงแรมดุสิตธานี ลากูนา ภูเก็ต เป็นการลงทุนซื้อขายโรงแรมรายการใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในปี 2553 มูลค่า 2.6 พันล้านบาท โดยมีโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ทำหน้าเป็นตัวแทนการซื้อขาย ส่วนผู้ซื้อคือ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งซื้อเข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์”

นักลงทุนไทยยังคงมีบทบาทเด่นในฐานะผู้ซื้อ แต่ขณะเดียวกัน เริ่มมีบริษัทลงทุนจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเข้าเป็นผู้ซื้อรายการใหญ่ๆ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

นายทอม ออคเดน รองประธานบริหารหน่วยงานบริการการลงทุนซื้อขายโรงแรม โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ กล่าวว่า “ความท้าทายหลักๆ สำหรับประเทศไทยยังคงเป็นสองประเด็นคือ ข้อจำกัดการถือครองกรรมสิทธิ์โดยต่างชาติและความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งในประเด็นหลัง มีการคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นหลังการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลดำเนินไปอย่างราบรื่น

การลงทุนซื้อขายโรงแรมสองรายการใหญ่ในประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปีนี้ซึ่งมีโจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์เป็นตัวแทนขาย ได้แก่ โรงแรมโซฟิเทล สีลม และลากูนา บีช รีสอร์ท ซึ่งทั้งสองรายการเป็นการซื้อโดยกองทุนจากต่างประเทศ โดยทั้งสองกองทุนอาศัยฐานการลงทุนที่มีอยู่ในประเทศไทย จึงทำให้สามารถลงทุนซื้อโรงแรมดังกล่าวได้

“ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มมากขึ้น หากทุนต่างชาติมีช่องทางมากขึ้นในการเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยเฉพาะหลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองของไทยเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น สัญญาณการมีเสถียรภาพทางการเมืองสู ยังทำให้ทุนต่างชาติกลับมาให้ความสนใจการลงทุนในไทย และจะช่วยให้นักลงทุนมีความมั่นใจในตลาดโรงแรมของไทยมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง” นายออคเดนกล่าว

ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากสถานการณ์ทางเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2553 ขณะเดียวกัน พบว่า สัดส่วนนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนแปลงไป โดยในปีที่ผ่านมา นับเป็นปีแรกที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนได้เพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหญ่ที่สุดในไทย (7.1%) แทนที่นักท่องเที่ยวจากญี่ปุ่น (6.2%) คาดว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปีนี้ โดยเฉพาะหลังจากญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งทำให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางออกท่องเที่ยวในต่างประเทศน้อยลง ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากจีนยังคงมีการขยายจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ชาวรัสเซียเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนกรกฎาคม จำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียในไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 78% โดยส่วนใหญ่เข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ และเมืองตากอากาศ เช่น ภูเก็ตและพัทยา แต่โดยรวมแล้ว นักท่องเที่ยวจากเอเชียยังคงมีสัดส่วนสูงสุด ส่วนนักท่องเที่ยวจากประเทศยุโรปมีสัดส่วนไม่ติดอันดับหนึ่งในห้าของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยดังเช่นในอดีต

ในช่วงปีนี้ถึงเดือนกรกฎาคม มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 11.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.8 ล้านคนจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เฉพาะในกรุงเทพฯ เมืองเดียว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นเกือบ 30% เป็น 7.4 ล้านคน และมีแนวโน้มว่า เมื่อถึงสิ้นปี จะมียอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาสูงกว่าปี 2553 ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 10.3 ล้านคน โดยในแต่ละเดือนจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นกว่าช่วงใดๆ ของระยะ 5 ปีที่ผ่านมา

ตลาดการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นยังสามารถสะท้อนให้เห็นได้จากผลประกอบการของโรงแรมทุกระดับ โดยพบว่า ในปี 2554 นี้ โรงแรมระดับ 3-5 ดาวของกรุงเทพฯ มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดในภูมิภาค โดยตลาดโรงแรม 5 ดาวมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเฉลี่ยปรับขึ้นสูงสุด 29.4% มาอยู่ที่ 2,918 บาทต่อห้องต่อคืน ตามด้วยโรงแรมกลุ่ม 3 ดาว เพิ่มขึ้น 22.9% มาอยู่ที่ 981 บาทต่อห้องต่อคืน และกลุ่มโรงแรม 4 ดาว เพิ่มขึ้น 21.3% มาอยู่ที่ 1,557 บาทต่อห้องต่อคืน

ภาคธุรกิจโรงแรมของไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว จากการพุ่งสูงขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว หลังการเมืองเริ่มสงบมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้จะทำให้นักลงทุนสนใจลงทุนซื้อโรงแรมในไทยมากยิ่งขึ้น

ในส่วนของกรุงเทพฯ แม้ตลาดโรงแรมจะยังคงอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย จากการที่จะมีห้องพักสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นอีกกว่า 12,000 ห้องในระหว่างนี้ไปจนถึงปี 2557 แต่คาดว่าจุดแข็งของกรุงเทพฯ ในแง่ของการท่องเที่ยวและศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางรองรับการจัดประชุม สัมมนา และนิทรรศการ จะช่วยเสริมผลประกอบการของภาคโรงแรมให้ดีขึ้นในระยะปานกลาง นอกจากนี้ โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ยังมองเห็นโอกาสที่โรงแรมที่จับนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม เช่น ตลาดโรงแรม 3 ดาวจะยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งโรงแรมกลุ่มนี้ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 21% ของจำนวนห้องพักโรงแรมทั้งหมดในกรุงเทพฯ

โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์

โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ เป็นบริษัทในกลุ่มโจนส์ แลง ลาซาลล์ และเป็นบริษัทชั้นนำของโลกในธุรกิจบริการที่ปรึกษาการลงทุนด้านโรงแรมระหว่างประเทศ ในปี 2553 บริษัทฯ เป็นตัวแทนซื้อ ขายและให้บริการที่ปรึกษาสำหรับธุรกรรมการซื้อขายโรงแรมทั่วโลกกว่าคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4.1 พันล้านดอลลาร์ และได้รับงานการประเมินราคาโรงแรมรวมกว่า 1,000 งาน โจนส์ แลง ลาซาลล์ โฮเทลส์ มีพนักงานประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจโรงแรมรวมกว่า 210 คน มีสำนักงาน 37 สาขาใน 19 ประเทศ

ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ วินัย ใจทน tel +66 2 624 6540 fax +66 2 679 6519 [email protected]

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit