เพิ่มมูลค่าที่น่าสนใจให้แก่ผู้ถือหุ้นของไมเทล และโพลีคอม ด้วยการใช้ประโยชน์จากการดำเนินงานและการสร้างโอกาสร่วมกัน
ยังคงรักษาตราสินค้าของโพลีคอมเอาไว้ต่อไป
ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิลดลงอย่างเห็นได้ชัด
การทำธุรกรรมคาดว่าจะมีผลต่อรายได้ของไมเทลในปี 2017
ไมเทล (แนสแด็ก: MITL) (ทีเอสเอ็กซ์: MNW) และโพลีคอม(แนสแด็ก: PLCM) ได้ประกาศในวันนี้ว่าพวกเขาได้เข้าสู่การเจรจาทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการควบรวมกิจการซึ่งไมเทลจะรับซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของโพลีคอมในรูปของเงินสด และการแลกเปลี่ยนหุ้นรวมมูลค่าราว 1.96 พันล้านดอลลาร์ ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลงดังกล่าวนี้ ผู้ถือหุ้นของโพลีคอมจะได้เงินสด 3.12 ดอลลาร์ และหุ้นสามัญของไมเทล 1.31 หุ้นต่อหุ้นสามัญของโพลีคอมหนึ่งหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 13.68 ดอลลาร์โดยอิงกับราคาปิดหุ้นสามัญของไมเทลเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2559 การทำธุรกรรมเป็นตัวแทนพรเมี่ยม 22% ของผู้ถือหุ้นโพลีคอมที่อิงกับราคาหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบของไมเทล และโพลีคอม ณ วันที่ 5 เมษายน 2559 และคาดว่าจะข้อตกลงดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สามของปี 2559 โดยจำเป็นจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น และตรวจสอบกฎระเบียบ รวมทั้งเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียมก่อน
บริษัทใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการทำให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นไร้รอยต่อของอุตสาหกรรมด้านการสื่อสารและการทำงานร่วมกันกำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงที่ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนการแนวทางในแข่งขันอย่างรวดเร็วและทำลายอุปสรรคระหว่างความไม่ต่อเนื่องของตลาด และโดเมนทางด้านเทคโนโลยีที่มีมาก่อนหน้านี้ การเข้าซื้อกิจการเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องทำให้ ไมเทลประสบความสำเร็จด้านการลงทุนในการเปลี่ยนทิศทางตลาดและปรับเปลี่ยนบริษัทเพื่อช่วยให้ลูกค้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผล การรวมกันของไมเทลกับโพลีคอมจะสร้างความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรายใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากการได้รับการยอมรับของไมเทลในฐานะผู้บุกเบิกด้านการสื่อสารระดับโลกกับตราสินค้าระดับพรีเมี่ยมซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะผลิตภัณฑ์ชั้นนำของอุตสาหกรรมในการประชุมและการทำงานร่วมกันผ่านระบบวิดีโอของโพลีคอม
บริษัทที่ควบรวมเข้าด้วยกันนี้จะมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ในเมืองออตตาวา ประเทศแคนาดา และจะดำเนินงานภายใต้ชื่อ ไมเทล ในขณะที่ยังคงรักษาตราสินค้าระดับโลกที่แข็งแกร่งของโพลีคอม มร. ริชาร์ด แมคบี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมเทล จะดำรงตำแหน่ง CEO –ขององค์กรแห่งนี้ และ มร. สตีฟ สปูนเนอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของไมเทล ที่ยังคงดำรงตำแหน่งเดิมต่อไปจนกว่าการทำธุรกรรมครั้งนี้จะสิ้นสุดลงตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ และคาดว่าโพลีคอมจะได้รับสองที่นั่งในคณะกรรมการของไมเทล ทั้งนี้เมื่อการควบรวมกิจการเสร็จสิ้นลง บริษัทแห่งนี้จะมีพนักงานทั่วโลกประมาณ 7,700 คน
"ไมเทลมีวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย นั่นคือทำให้การสื่อสารและการทำงานร่วมกันเกิดขึ้นอย่างราบรื่นไร้รอยต่อแก่ลูกค้า และเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ดังกล่าวให้เป็นจริง ได้มีวิธีการรวมส่วนประกอบต่างๆ มาเข้าด้วยกันอย่างมีแบบแผนเพื่อส่งมอบประสบการณ์ในการทำงานที่ราบรื่นแก่ลูกค้าบนทุกอุปกรณ์ และทุกสภาพแวดล้อม" มร. ริชาร์ด แมคบี ซีอีโอของไมเทล กล่าวว่า "โพลีคอมคือหนึ่งในตราสินค้าที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลกและมีความหมายชัดเจนในความเป็นวัตกรรมที่มีความสามารถด้านการประชุมผ่านวิดีโอที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ มีคุณภาพสูง ซึ่งปัจจุบันเป็นบรรทัดฐานของการทำงานร่วมกันในชีวิตประจำวัน เมื่อร่วมเข้ากับการสื่อสารด้วยระบบเสียงชั้นนำของ ไมเทลที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมนี้ บริษัทที่รวมกันเข้าด้วยกันนี้จะมีความสามารถและเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการส่งมอบโซลูชั่นแบบครบวงจรแก่ธุรกิจและผู้ให้บริการทั้งในสภาพแวดล้อมการทำงานขององค์กร การทำงานแบบเคลื่อนที่ และระบบคลาวด์อย่างแท้จริง"
"ด้วยการควบรวมของโพลีคอมและไมเทล มีความคาดหวังว่าจะเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และพนักงานทั่วโลกของเรา " มร. ปีเตอร์ เลีฟ ประธานและซีอีโอของโพลีคอม กล่าวว่า " เรากำลังทำงานร่วมกับทีมงานของไมเทลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและยังคงคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่องเพื่อนำสถานที่ทำงานแห่งอนาคตไปสู่ลูกค้าของเรา "การขยายตัวสู่ระดับโลก และกำหนดขอบเขตเชิงกลยุทธ์เพื่อให้ประโยชน์แก่ลูกค้าที่สำคัญ
บริษัทระดับโลกที่ถูกรวมเข้าด้วยกันนี้จะให้ประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีแบบบูรณาการแก่ลูกค้าโดยการสนับสนุนจากระบบนิเวศของคู่ค้าที่น่าประทับใจ ความเป็นผู้นำในตลาดที่สำคัญ ได้แก่ :
• # อันดับ 1 ด้านระบบสื่อสารคลาวด์สำหรับธุรกิจ
• # อันดับ 1 ด้านระบบ IP/PBX ในยุโรป
• # อันดับ 1 ด้านระบบโทรศัพท์ สำหรับการประชุม
• # อันดับ 1 ด้านอุปกรณ์ที่รองรับ Open SIP
• # อันดับ 2 ด้านระบบประชุมผ่านวิดีโอ
• # อันดับ 2 ด้านการติดตั้งอุปกรณ์เสียง
• มีลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำที่อยู่ใน Fortune 500 มากกว่าร้อยละ 82
• มีผลิตภัณฑ์เชิงลึกที่ทำงานร่วมกับระบบของไมโครซอฟท์ได้เป็นอย่างดี
• ติดตั้งระบบสื่อสารแบบเคลื่อนที่ให้แก่ 47 จาก 50 ประเทศชั้นนำของโลก
• มีสิทธิบัตรครอบครองกว่า 2,100 ฉบับ และอยู่ระหว่างการจดเพิ่มอีก 500 ฉบับ
• มีพนักงานทั่วโลกกว่า 7,700 คน
แพลตฟอร์มที่มีความสามารถเพิ่มขึ้นคาดว่าจะทำให้มีผลกำไรเพิ่มขึ้นพร้อมกับมีโอกาสในการทำงานร่วมกันและลดอัตราส่วนหนี้ลงอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทที่ถูกรวมเข้าด้วยกันนี้จะมีแพลตฟอร์มด้านการเงินที่ใหญ่ขึ้นพร้อมกับขอบเขต ขนาด และต้นทุนการดำเนินงานที่จำเป็นสำหรับการขยายตัวเชิงกลยุทธ์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง จุดเด่นทางการเงินของการทำธุรกรรมนี้ประกอบด้วย:
• ฐานรายได้ที่อ้างอิงกับยอดขายในปี 2015 อยู่ที่ประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์
• การสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งที่อ้างอิงกับ EBITDA ปี 2015 อยู่ที่ประมาณ 350 ล้าน
• งบดุลที่แข็งแกร่งโดยอ้างอิงกับระดับหนี้สินสุทธิปี 2015 ของไมเทลที่ลดลงจาก 3.8 เท่า เหลือ 2.1 เท่า
• คาดว่าจะมีผลต่อผู้ถือหุ้นของไมเทลในปี 2017
• คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานร่วมกันที่ประมาณ 160 ล้านดอลลาร์ในปี 2018 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพซัพพลายเชน การรวมสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าด้วยกัน และความได้เปรียบด้านต้นทุนที่มา:
• (i) ที่มา: Synergy Research Group, มีนาคม 2016
• (ii) ที่มา: MZA Limited, มีนาคม 2016
• (iii) ที่มา: Frost & Sullivan, Global Audio Conferencing Endpoints, พฤศจิกายน 2015
• (iv) ที่มา: Synergy Research Group, กันยายน 2015
• (v) ที่มา: Q4 2015 UC Market Tracker - Telepresence Market Share Data Reports, กุมภาพันธ์ 2016
• (vi) ที่มา: Frost & Sullivan, Global Audio Conferencing Endpoints, พฤศจิกายน 2015
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit