แชร์เทคนิคทำ SEO WordPress ให้ง่ายต่อการติดอันดับ

เว็บไซต์สามารถทำได้หลายเครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็น WordPress, Wix, Joomla, Drupal และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ WordPress (ระบบ CMS : Content Management System) ที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์การสร้างคอนเทนต์และรองรับการทำ SEO ได้ครบเครื่องมากที่สุดนั่นเอง แต่การสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress ไม่ได้เป็นเครื่องการันตีว่าเว็บไซต์ของคุณจะติดอันดับบน Google แต่อย่างใด สุดท้ายแล้วคุณก็ต้องงัดเทคนิคในการทำ SEO มาใช้งานและทำ SEO ด้วยวิธีที่ถูกต้อง เพื่อให้ง่ายต่อการติดอันดับมากที่สุด

สำหรับบทความนี้ เราก็ได้นำข้อมูลดี ๆ เรื่องเทคนิคการทำ SEO WordPress 2024 จาก ANGA (เอเจนซี่รับทำ SEO) มาฝากกัน ใครที่กำลังหาวิธีดันอันดับเว็บไซต์ กระตุ้น Traffic หรือเร่งยอดขายอยู่ ตามไปดูเทคนิคดี ๆ กันได้เลย!

1. การเลือก Hosting ที่ดี

เริ่มต้นจากการเลือก Hosting กันก่อนเลย โดยพิจารณาจากคุณสมบัติของ Hosting ว่าเหมาะสมกับเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ จากปัจจัยในด้านต่าง ๆ อาทิ ประเภทของ Hosting, การ Support ของผู้ให้บริการ, ระบบรักษาความปลอดภัย, มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศไทย (หรือประเทศที่กลุ่มเป้าหมายอาศัยอยู่), ใช้ระยะเวลาในการโหลดหน้าเว็บไซต์น้อย, มี Uptime สูง, มีพื้นที่เก็บข้อมูล และ Bandwidth ที่เหมาะสมกับปริมาณ Traffic บนเว็บไซต์ และพิจารณาจากฟีเจอร์อื่น ๆ ที่ต้องการ อย่างการ Backup ข้อมูล หรือการติดตั้ง SSL Certificate เป็นต้น

2. เปิด Search Engine Visibility

การเปิด Search Engine Visibility เป็นการเปิดอนุญาตให้ Search Engine สามารถมองเห็นและเข้ามาเก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ได้ ซึ่งถ้าคุณอยากให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ก็ต้องเปิดการตั้งค่าในส่วนนี้ด้วย ไม่อย่างนั้น Google ก็จะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเว็บไซต์ของคุณเลย สามารถเข้าไปที่เมนู Setting > Reading > Search Engine Visibility และเอาเครื่องหมายติ๊กถูกตรง “Discourage search engines from indexing this site” ออกไป

3. ทำ HTTPS เพิ่มความปลอดภัยให้เว็บไซต์

HTTPS (Hypertext Transfer Protocol Secure) คือการยืนยันว่าเว็บไซต์ของคุณมีการเข้ารหัสข้อมูลระหว่างเว็บไซต์กับเบราว์เซอร์ของผู้ใช้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงที่จะโดนดักฟังหรือโจรกรรมข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกมั่นใจและรู้สึกปลอดภัยตลอดเวลาที่ใช้งานเว็บไซต์ โดย HTTPS สามารถทำได้โดยการติดตั้ง SSL Certificate กับผู้ให้บริการในด้านนี้โดยตรง

4. ตั้งค่า URL Slug ให้กระชับและสื่อความหมาย

URL Slug ที่ดีจะต้องสั้น กระชับ และสามารถสื่อความหมายได้ว่าหน้าเว็บไซต์ดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยแนะนำให้นำคีย์เวิร์ดมาแต่งเป็นประโยคสั้น ๆ และตั้งเป็น URL Slug เช่น บทความเรื่อง “SEO คืออะไร” กำหนดคีย์เวิร์ดเป็นคำว่า “SEO คือ” แนะนำให้ตั้งค่า URL Slug เป็น “what-is-seo” เป็นต้น

5. ติดตั้งปลั๊กอินเท่าที่จำเป็น

WordPress มีปลั๊กอินให้ติดตั้งอยู่เยอะมาก ทั้งปลั๊กอินที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ SEO ทั้งปลั๊กอินแคช และยังรวมไปถึงปลั๊กอินที่ใช้ในการเพิ่มฟีเจอร์ให้แก่เว็บไซต์ด้วย ถ้าคุณติดตั้งทั้งหมดล่ะก็ รับรองว่าเว็บไซต์ช้าและมีปัญหาตามมาแน่นอน ดังนั้น คุณจึงควรพิจารณาเลือกติดตั้งเฉพาะปลั๊กอินที่จำเป็นเท่านั้น จึงจะเป็นการดีที่สุด อาทิ Yoast SEO, Rank Math SEO, UpdraftPlus, WP Rocket,  BackWPUp ฯลฯ

6. ใช้ 1 คีย์เวิร์ดต่อ 1 หน้า

คีย์เวิร์ดเป็นคำที่ผู้ใช้งานใช้ในการค้นหาข้อมูล และอัลกอริทึมของ Google เอง ก็จะดึงหน้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาตรงกับคีย์เวิร์ดดังกล่าวไปแสดงมากที่สุด การกำหนด 1 คีย์เวิร์ดต่อ 1 หน้าจะช่วยให้ Google รู้ว่าคุณต้องการนำเสนอหน้าเว็บไซต์ไหนสำหรับคีย์เวิร์ดคำนี้ เพื่อให้ Google สามารถนำไปแสดงผลได้อย่างถูกต้องแม่นยำที่สุด หากคุณนำ 1 คีย์เวิร์ดไปใช้กับหลาย ๆ หน้าจะทำให้ Google สับสน และทำให้อันดับเว็บไซต์ไม่คงที่หรือเพี้ยนไปจากเดิมได้

ส่วนใครที่สงสัยว่า “แล้วในหนึ่งหน้า สามารถใช้คีย์เวิร์ดหลายคำได้ไหม?” คำตอบคือ “ได้” โดยการกำหนดคีย์เวิร์ดหลัก 1 คำ และคีย์เวิร์ดรองที่เป็นคำที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลัก นอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบน Google ในหลาย ๆ คีย์เวิร์ดแล้ว ยังช่วยลดปัญหาการยัดเยียดคีย์เวิร์ด (Keyword Stuffing) ได้อีกด้วย

7. ปรับแต่ง On-Page SEO

On-Page SEO เป็นการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ โดยการวางโครงสร้างของเนื้อหาและองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ง่ายต่อการตรวจสอบของ Google Bot และสะดวกต่อการใช้งานของผู้ใช้ เช่น การกำหนด Heading Tag (H1-H6), Title, Meta Description, Internal Link, External Link, URL Slug, Content, Alt Text, Image, Schema Markup, Featured Snippets, Page Speed ฯลฯ

8. อัปเดตเนื้อหาที่มีคุณภาพและสดใหม่

Google มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดกลับไป จึงให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ใส่ใจในส่วนนี้ด้วย ซึ่งการเขียนบทความคุณภาพ มีเนื้อหาครบครัน อ่านแล้วได้ประโยชน์ และมีการอัปเดตข้อมูลให้สดใหม่อยู่เสมอ จะช่วยดึงดูดผู้ใช้งานให้อยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น มีความน่าเชื่อถือ ดูเชี่ยวชาญ และทำให้ Google อยากนำไปจัดอันดับในตำแหน่งดี ๆ 

9. ปรับแต่งเว็บไซต์ให้ง่ายต่อการใช้งาน

ใคร ๆ ก็อยากอยู่บนเว็บไซต์ที่ลื่นไหลและสะดวกต่อการใช้งานทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ตัวคุณเอง หรือ Google ก็ตาม เว็บไซต์ที่ถูกปรับแต่งมาเพื่อผู้ใช้งานจะดึงให้ผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์นาน ช่วยลด Bounce Rate และเพิ่ม Conversion Rate ได้จริง เช่น เว็บไซต์โหลดเร็ว, ขนาด สี และแบบตัวอักษรอ่านง่าย, มีเมนูที่ง่ายต่อการเรียกใช้งาน, มี Breadcrumbs, Responsive Web Design, มีความปลอดภัย, รองรับหลายภาษา ฯลฯ

10. สร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ

การสร้าง Backlink เป็นอีกหนึ่งในพาร์ทของการทำ Off-Page SEO ที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับใครที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพของ SEO WordPress เพราะ Backlink จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ (Traffic สูง มี DA สูง มีชื่อเสียง) จะช่วยให้เว็บไซต์ของเราน่าเชื่อถือตามไปด้วย นอกจากนั้น ยังช่วยเพิ่ม Organic Traffic และ Conversion Rate ได้ดี ไม่แพ้กับ On-Page SEO เลย

สรุปเรื่องเทคนิคการทำ SEO WordPress 2024

เทคนิคการทำ SEO WordPress ที่เราได้นำมาแชร์ผ่านบทความนี้ สามารถนำไปปรับใช้บนเว็บไซต์ของคุณได้จริง ซึ่งการทำ SEO ให้ครอบคลุมครบทุกด้านอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานเสียหน่อย โดยเฉพาะกับขั้นตอนการเตรียมและออกแบบเว็บไซต์ แต่ในระหว่างนี้คุณก็สามารถจัดทำ Keyword Research และวางแผนการสร้างเนื้อหาเอาไว้ล่วงหน้าได้

ทั้งนี้ การทำ SEO มีวิธีการที่แยกย่อยออกไปอีกมากมาย เรียกได้ว่ายืดหยุ่นมาก ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะนำไปปรับใช้อย่างไร หวังว่าบทความนี้จะช่วยไกด์เป็นแนวทางสำหรับคนที่กำลังหาวิธีทำ SEO WordPress ในปี 2024 นี้ได้ไม่มากก็น้อย และขอขอบคุณ ANGA Bangkok อีกครั้งสำหรับเทคนิคดี ๆ ที่ได้นำมาบอกต่อกันผ่านบทความนี้