กลุ่มเจมาร์ท ปิดดีลร่วมทุน KB Kookmin Card ด้วยมูลค่าดีลกว่า 3,450 ล้านบาท เตรียมต่อยอดธุรกิจการเงินในประเทศไทย

01 Feb 2021

เจมาร์ท ติดปีกร่วมทุน KB Kookmin Card ในบริษัท เจฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เสร็จสิ้น ยกระดับมาตรฐานธุรกิจการเงินของกลุ่มบริษัทเข้าสู่ระดับสากล พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการเงินจากประเทศเกาหลีใต้ โดย KB Kookmin Card ได้เข้าลงทุนในสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 49% ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 650 ล้านบาท ติดปีกเงินทุนให้บริษัทเร่งดำเนินธุรกิจเพื่อเติบโตต่อ ซึ่งภายหลังจากนี้ เจมาร์ทจะได้รับเงินกู้ยืมที่ให้กับเจฟินเทค คืนกว่าอีก 2,800 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดีลในครั้งนี้รวมทั้งสิ้นกว่า 3,450 ล้านบาท พร้อมแย้มแผนอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรใหญ่ เตรียมต่อยอดโอกาสใหม่ๆ ในบริษัทลูกอีกเพิ่มเติมในอนาคต

กลุ่มเจมาร์ท ปิดดีลร่วมทุน KB Kookmin Card ด้วยมูลค่าดีลกว่า 3,450 ล้านบาท เตรียมต่อยอดธุรกิจการเงินในประเทศไทย

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ในฐานะบริษัทโฮลดิ้งที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Investment Holding Company เปิดเผยถึง ความสำเร็จในบริษัทร่วมลงทุน KB Kookmin Card Co., Ltd บริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิตการ์ด และสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเป็นบริษัทการเงินรายใหญ่ภายใต้ KB Financial Group จากประเทศเกาหลีใต้ เข้าร่วมลงทุนในบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด (J Fintech) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท ด้วยมูลค่าเงินลงทุน 650 ล้านบาท ปัจจุบันกระบวนการร่วมทุนดังกล่าวแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ KB Kookmin Card จะเข้ามาถือหุ้นใน บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ในสัดส่วนถือหุ้นร้อยละ 49.99% ส่วนบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) คงเหลือถือหุ้น 45.09% และบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) คงเหลือถือหุ้น 4.92% จากเดิมกลุ่มเจมาร์ทถือหุ้นทั้งหมด 100% นับเป็นความสำเร็จครั้งแรกของธุรกิจการเงินในประเทศไทย ที่มีสถาบันการเงินชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้ เข้ามาลงทุนธุรกิจการเงินในประเทศไทยในบริษัท Non-Bank เพื่อขยายฐานลูกค้า และต่อยอดการเติบโตร่วมกัน

สำหรับบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ดำเนินธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ที่มีความเข้มแข็งจากการ Synergy ภายใต้ Ecosystem ทางการเงินของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท โดย KB Kookmin Card เตรียมเดินหน้าขยายธุรกิจบริการทางการเงินในประเทศไทย โดยนำเอาระบบเทคโนโลยีในการบริหารทางการเงินที่ทันสมัยมาใช้ สนับสนุนให้เจฟินเทคมีต้นทุนทางการเงินในการทำธุรกิจที่ต่ำ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น ด้วยเป้าหมายเป็นผู้นำ1 ใน 5 ของธุรกิจสินเชื่อ และบัตรเครดิตในประเทศไทย

อย่างไรก็ดี ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากจะส่งผลดีต่อเจฟินเทคแล้ว ยังสนับสนุนฐานะทางการเงินของเจมาร์ทให้แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจาก เจมาร์ท จะได้รับเงินกู้ยืมที่ให้กับบริษัทเจฟินเทค คืนจาก KB Kookmin Card กว่าอีก 2,800 ล้านบาท ภายในไตรมาส 1/2564 นี้ โดยเงินดังกล่าวบริษัทเตรียมความพร้อมในการเป็น Investment Holding Company ที่มองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติบโตในอนาคต

นายอดิศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย เรามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจค้าปลีกและการเงิน เป็น Investment Holding Company มีธุรกิจที่แตกต่าง โดยเป็นผู้นำในธุรกิจด้านการเงิน ค้าปลีก และเทคโนโลยี ทำให้กลุ่มบริษัทมี Ecosystem ที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจบริหารหนี้ของ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) ที่มีความโดดเด่น เป็นกลุ่มบริษัทแรกๆ ที่เข้ามารุกตลาดบริหารหนี้จนประสบความสำเร็จ และปัจจุบันเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันรายใหญ่ของประเทศ

อีกทั้ง บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรรายอื่นๆ เพิ่มเติมอีก เนื่องจากความโดดเด่นในพลัง Synergy และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกและการเงินได้อย่างชัดเจน จึงมั่นใจว่า อาจจะได้เห็นความร่วมมือใหม่ๆ ที่จะสามารถสร้างการเติบโตภายในกลุ่มบริษัทได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ย้ำความมั่นใจ บริษัทฯ วางเป้าหมายปีนี้มีกำไรเติบโตต่อเนื่องอีก 30% จากปีก่อนหน้า นำโดย เจเอ็มที ซิงเกอร์ และบริษัทย่อยอื่นๆ ที่จะสร้างกำไรให้กับกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง