THIP โชว์งบปี 63 กำไรโตกว่า 42% กวาดยอดขายเกือบ 3,197 ลบ. กางแผนปี 64 เดินเครื่องอัพกำลังผลิตรับดีมานด์-รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

19 Feb 2021

บมจ.ทานตะวันอุตสาหกรรม หรือ THIP โชว์ฟอร์มสวย หลังงบปี 63 มีผลกำไร 347.8 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 42.2% กวาดยอดขาย 3,196.7 ล้านบาท เติบโต 5.6% ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยมองหาสินค้าที่ตอบโจทย์เรื่องสุขอนามัยจากทั้งในและต่างประเทศ พร้อมผลักดันสินค้าของบริษัทภายใต้แบรนด์ SUN เช่น SUNMUM และ SUNBIO ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น วางเป้าหมายธุรกิจปี 64 แข็งแกร่ง เดินหน้าขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20% เพื่อรองรับดีมานด์จากลูกค้าต่างประเทศที่เพิ่มขี้น และเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ใน Q1/64 นี้ จัดทัพสินค้าขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกฉียงใต้

THIP โชว์งบปี 63 กำไรโตกว่า 42% กวาดยอดขายเกือบ 3,197 ลบ. กางแผนปี 64 เดินเครื่องอัพกำลังผลิตรับดีมานด์-รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นางพจนารถ ปริญภัทร์ภากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ THIP ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์คุณภาพระดับสากล เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2563 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลต่ออุปสงค์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ให้ลดต่ำกว่าปกติ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังนานาประเทศได้ปรับตัวตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้คำสั่งซื้อจากลูกค้ากลับมาอย่างต่อเนื่อง และพบว่ากลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ได้หลายครั้งยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดต่อเนื่องจากการใช้ระหว่างอยู่บ้านในช่วงล็อกดาวน์ เนื่องจากลูกค้าใส่ใจสุขอนามัยมากขึ้น

สะท้อนในผลประกอบการปี 2563 มีกำไรสุทธิที่ดี อยู่ที่ 347.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 103.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 42.2% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 244.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 4.35 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 3.06 บาทต่อหุ้น ขณะที่ รายได้รวมจากการขายอยู่ที่ 3,196.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.6% จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมจากการขาย 3,025.9 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นคิดเป็น 23.52% ต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 19.87% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ถุงเพิ่มขึ้น 9.2% และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มขึ้น 5.3% จากความต้องการของลูกค้าที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เรื่องสุขอนามัย อีกทั้งพฤติกรรมที่มีการใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น ประกอบกับการที่บริษัทฯ พยายามขยายฐานตลาดโดยเฉพาะลูกค้าใหม่แถบอเมริกา ทำให้คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นและเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ มีการบริหารต้นทุนที่ดี อันเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบโลกมีการปรับตัวลดลง และการปรับปรุงสายการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

สำหรับแผนธุรกิจปี 2564 บริษัทฯ คาดว่าจะยังมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง จากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่มีมาอย่างต่อเนื่อง และการสร้างแบรนด์ยังเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทฯ โดยการมุ่งผลักดันแบรนด์ของบริษัทเอง (Own Brand) ภายใต้แบรนด์ SUN ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยมีการทำการตลาดผ่านหลายช่องทาง ทั้งทาง Social Media, เว็บไซต์ www.sunmumshopping.com และงานแสดงสินค้าต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมการบริโภคในรูปแบบต่างๆ

"กลยุทธ์สำคัญของบริษัทยังคงเป็นเรื่องของการสร้างแบรนด์ บริษัทแบ่งกลุ่มแบรนด์เป็น 3 กลุ่มหลัก เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่มีความต้องการแตกต่างกัน ประกอบด้วย 1. SUNMUM ผู้นำสินค้าแม่และเด็ก เตรียมปรากฎการณ์ใหม่ สำหรับคุณแม่เพื่อดูแลลูกน้อย ด้วยนวัตกรรมใหม่ ตอบโจทย์คุณแม่ยุคใหม่ ที่เน้นความสะดวกสบายในการดูแลลูกรัก ทั้งในและนอกบ้าน 2. SUNECO STRAW หลอดดูดน้ำพกพา สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในยุคนิวนอร์มอล เน้นความสะอาดและสุขอนามัยในการใช้อุปกรณ์ส่วนตัว สู่หลอดใช้ซ้ำแบบพกพาได้ / รักษ์โลก และ 3. SUNBIN ถุงขยะรักษ์สิ่งแวดล้อม ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล 100% เจาะกลุ่มไฮเปอร์มาร์เกต เช่น บิ๊กซี โลตัส" นางพจนารถ กล่าว

สำหรับช่องทางออนไลน์ เน้นเพิ่มความสะดวกสบาย ซื้อง่าย พร้อมขยายช่องทางการขายออนไลน์สู่แพลตฟอร์มอื่นๆ อาทิ Line@ Facebook Page เป็นต้น ซึ่งในปี 2563 ที่ผ่านมาช่องทางออนไลน์เติบโตถึง 300% โดยปี 64 เน้น Marketplace ออนไลน์เต็มรูปแบบ เจาะกลุ่มพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนิวนอร์มอล

โดยบริษัทฯเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ในช่วงไตรมาส 1/2564 นี้ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก (SUN Mum & Baby) ในปีนี้บริษัทมีแผนขยายตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น บริษัทมีความสนใจที่จะขยายตลาดในประเทศเวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และอินเดีย เพิ่มขึ้น ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ตั้งสำนักงานตัวแทนจำหน่ายในประเทศดังกล่าวแล้ว รวมทั้งสหรัฐอเมริกาและในโซนยุโรป หลังแนวโน้มผลิตภัณฑ์ในกลุ่มแม่และเด็กขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกเติบโตด้วย

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มอีก 20% เพื่อรองรับดีมานด์ของลูกค้าในต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรองรับการทำตลาดลูกค้าใหม่ สนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit