ประภัตร ชี้ "นม ยิ่งดื่ม ยิ่งดี" ผนึกองค์กร "เครือข่ายนมดีทุกวัย ดื่มได้ทุกวัน"

24 May 2021

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในโอกาสเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเป็นภาคี "เครือข่ายนมดีทุกวัยดื่มได้ทุกวัน" 7 องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมด้วยนายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายสุรเดช สมิเปรม และนายสัตวแพทย์เศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ณ ห้อง 115 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในครั้งนี้ เป็นการลงนามฉบับที่ 2 หลังจากที่ได้มีการลงนามครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ เพื่อแสดงเจตนารมณ์และความตั้งใจในการร่วมเป็น "ภาคีเครือข่ายนมดีทุกวัยดื่มได้ทุกวัน" ระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ เครือข่ายนมดีทุกวัยดื่มได้ทุกวัน สมาคมสัตวบาลแห่งประเทศไทยฯ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้เลี้ยงโคนมไทยโฮลสไตน์ฟรีเชียน สมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอร์ไรส์ และชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย

ประภัตร ชี้ "นม ยิ่งดื่ม ยิ่งดี" ผนึกองค์กร "เครือข่ายนมดีทุกวัย ดื่มได้ทุกวัน"

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์จะร่วมกันรณรงค์ให้ทุกคนในสังคมไทย ได้มีความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดื่มนม ในการสร้างเสริมโภชนาการและสุขภาวะที่ดีของคนไทย การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความปลอดภัยของกระบวนการผลิตนมที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค และร่วมกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มอัตราการบริโภคนมของคนไทย จาก 18 ลิตร/คน/ปี เป็น 25 ลิตร/คน/ปี ภายในปี 2570

นายวิเชียร ผลวัฒนสุข ประธานเครือข่าย "นมดีทุกวัยดื่มได้ทุกวัน" เปิดเผยว่า เครือข่ายนี้เกิดจากการรวมตัวของภาคีเครือข่ายที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการให้คนไทยมีสุขภาพดีขึ้นด้วยการดื่มนมเป็นประจำ ซึ่งจากการสำรวจโดยสวนดุสิตโพล พบว่า คนไทยร้อยละ 44.1 ดื่มนมเป็นประจำ แต่ดื่มในปริมาณที่น้อยเพียง 18 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่สิงคโปร์ดื่มคนละ 62 ลิตรต่อคนต่อปี อย่างไรก็ตาม คนไทยยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งดื่มนมน้อยลง โดยเด็กไทยวัย 3-12 ปี ดื่มนมที่ไม่รวมนมโรงเรียนสูงมากถึงร้อยละ 88.9 แต่มัธยมอายุ 13-20 ปี กลับมีอัตราการดื่มลดลง เหลือเพียงร้อยละ 44.39 แล้วลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น องค์กรภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมลงนามความร่วมมือครั้งนี้ จะได้ช่วยกันเผยแพร่ข้อมูล/สื่อประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของนมที่ถูกต้อง และสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคนม ตลอดจนสร้างกระแสการดื่ม "นม" ทดแทนเครื่องดื่มทำลายสุขภาพ เผยแพร่ข้อมูลด้านความปลอดภัยของกระบวนการผลิตนม ตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิต รวมทั้งสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนเกี่ยวกับการรณรงค์บริโภคนม จึงได้จัดกิจกรรมการรณรงค์ดื่มนมทั่วประเทศและเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมสร้างสถิติใหม่ของการดื่มนมในประเทศไทยให้เพิ่มมากขึ้น