PLANET ครึ่งแรกปี64 พลิกกำไร ปักธงครึ่งปีหลัง ลุยธุรกิจ 5G -ผลิตน้ำประปาและไฟฟ้า เต็มสูบ คงเป้ารายได้ปี 2564 โต 25% ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวแจกวอร์แรนต์ฟรี

13 Aug 2021

PLANET ครึ่งแรกปี64 พลิกกำไร หลังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี - คุมต้นทุน ค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ บิ๊กบอส "ประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์" ปักธงครึ่งหลังปี เดินหน้าขยายตลาดสินค้า New S Curve  ลุยธุรกิจ 5G ดิจิทัลเทคโนโลยี Cyber Security และธุรกิจผลิตน้ำประปาและไฟฟ้าเต็มสูบ  คงเป้ารายได้ปี 2564 โต 25% ล่าสุด บอร์ดไฟเขียวแจกวอร์แรนต์ฟรี

PLANET ครึ่งแรกปี64 พลิกกำไร ปักธงครึ่งปีหลัง ลุยธุรกิจ 5G -ผลิตน้ำประปาและไฟฟ้า เต็มสูบ คงเป้ารายได้ปี 2564 โต 25% ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวแจกวอร์แรนต์ฟรี

นายประพัฒน์ รัฐเลิศกานต์ กรรมการ ผู้อำนวยการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลนเน็ต คอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANET ผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 บริษัทฯมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ จำนวน 105.75 ล้านบาท ลดลง 49.08 ล้านบาท หรือ 31.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยสาเหตุหลักมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ทำให้การลงทุนในโครงการใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนในปี 2563 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เกิดการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกระทบให้ในไตรมาส 2/64 รายได้จากการขายสินค้าลดลง 44.42 ล้านบาท แต่รายได้จากการบริการยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากนัก

นายประพัฒน์ กล่าวว่า แม้ในไตรมาส 2/64 บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลงจากสถานการณ์โควิด ส่งผลให้รายได้รวมลดลงถึง 31.70%  จากไตรมาสเดียวกันในปี 2563 แต่อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯยังปรับตัวอยู่ในทิศทางที่ดี โดยในไตรมาส 2/64 มีอัตรากำไรขั้นต้น 30.81 %  เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30.05 %

และจากการดำเนินนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรได้ โดยมีผลกำไรสุทธิงวดสำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 2.89 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.70% ของรายได้รวม ลดลงจากไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 13.89 ล้านบาท สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 3.02 ล้านบาท คิดเป็น 1.57% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ที่มีผลขาดทุน 1.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  358.12%

" ในไตรมาส 2/64 บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขาย ลดลง 2.06 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 2563 ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขาย 8.20 ล้านบาท หรือลดลง 5.24% โดยเป็นผลมาจากบริษัทได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมการขายให้สอดคล้องกับยุค New Normal เช่น การจัดสัมมนาแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวนมาก

ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง จำนวน 2.84 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2563 ที่มีค่าใช้จ่ายทางการเงินเท่ากับ 5.15 ล้านบาทหรือลดลง 3.29% ของรายได้รวม สาเหตุมาจากการลดลงของดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะสั้นในโครงการใหญ่ซึ่งได้มีการชำระคืนเงินต้นแก่ธนาคาร อีกทั้ง บริษัทฯ ยังมีนโยบายการบริหารสภาพคล่องโดยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามการจ่ายชำระหนี้จากลูกค้า และนำมาชำระหนี้เงินกู้ยืมธนาคารเพื่อลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย" นายประพัฒน์กล่าว

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2564  เบื้องต้นมั่นใจว่า จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  โดยบริษัทฯ จะเน้นขับเคลื่อนในกลุ่มธุรกิจใหม่ ที่มุ่งขยายตลาดสินค้า New S Curve  ทั้งในส่วนเกี่ยวกับ 5G ดิจิทัลเทคโนโลยีและ Cyber Security ซึ่งล่าสุด นำเงินเพิ่มทุนมาลงทุนในบริษัทย่อย "บริษัท แพลนเน็ตคลาวด์ จำกัด" จำนวนเงิน 50 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายการลงทุน  

รวมถึงธุรกิจในส่วน บริหารจัดการให้บริการผลิตน้ำประปาและไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย ที่เมื่อเร็วๆนี้ ได้จัดตั้งบริษัทย่อย "บริษัท แพลนเน็ตยูทิลิตี้ จำกัด" ขึ้นมาเตรียมความพร้อมเพื่อประกอบกิจการดังกล่าว ไป เนื่องจากเล็งเห็นถึงโอกาส และความเป็นไปได้ทางธุรกิจในด้านระบบสาธารณูปโภคที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาดังกล่าวข้างต้น คาดว่าจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในหลังจากนี้ ทั้งนี้ ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2564 นี้ เติบโต 25%   

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญใหม่ของบริษัทฯ หรือ PLANET-W1 โดยไม่คิดมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในสัดส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ จำนวนไม่เกิน 124.99 ล้านหน่วย และราคาใช้สิทธิที่ 2 บาท ต่อหุ้น โดยวอร์แรนต์ดังกล่าวมีอายุ 2 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ สำหรับวัตถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นเงินทุนรองรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต

พร้อมทั้งมีมติให้ลดทุนจดทะเบียนจากเดิมจำนวน 375,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 374,999,997 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้จำหน่ายจำนวน 3 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งคงเหลือจากการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ (Right Offering)

และอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 124,999,999 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 374,999,997 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ จำนวน 499,999,996 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 124,999,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิฯ PLANET-W1  อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขอมติอนุมัติในวันที่ 5 ตุลาคม 2564