ยูโอบี ประเทศไทย ขยายมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอี ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

01 Sep 2021

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ขยายมาตรการให้ความช่วยเหลือสำหรับลูกค้าบุคคลและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี (SMEs) โดยครอบคลุมทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายช่วยเหลือด้านสินเชื่อที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดขึ้นเพื่อลดภาระหนี้ของประชาชนและธุรกิจ

นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า "ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากเช่นนี้ ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างพยายามทำหน้าที่ในส่วนของตนอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยกันเอาชนะความท้าทายที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับยูโอบีเอง เราได้ขยายเวลาให้ความช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เพื่อบรรเทาภาระทางการเงินและลดผลกระทบทางธุรกิจที่ลูกค้าต้องเผชิญ เพื่อให้สามารถผ่านเวลาช่วงนี้ไปได้อย่างแข็งแกร่ง

โครงการให้ความช่วยเหลือสำหรับลูกค้ารายย่อย
ธนาคารได้ขยายระยะเวลาโครงการให้ความช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยไปถึง 31 ธันวาคม 2564 สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตยูโอบี บัตรเครดิตทูมอร์โรว์ บัตรกดเงินสดยูโอบีแคชพลัส สินเชื่อส่วนบุคคล i-Cash และสินเชื่อบ้านที่ยังไม่เคยเข้าร่วมมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 รอบบัญชีมาก่อน สามารถ สามารถแจ้งความประสงค์ในการขอพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 รอบบัญชี

ภายใต้โครงการ ธนาคารยังได้ปรับลดอัตราผ่อนชำระคืนขั้นต่ำจากเดิม 10% เป็น 5% ในปี 2564 และเป็น 8% ในปี 2565 สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตยูโอบีและบัตรเครดิตทูมอร์โรว์ พร้อมปรับลดอัตราผ่อนชำระคืนขั้นต่ำจากเดิม 5% เป็นชำระขั้นต่ำ 2.5% ในปี 2564-2565 สำหรับลูกค้าบัตรกดเงินสดแคชพลัส ซึ่งธนาคารดำเนินการปรับอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่ต้องติดต่อธนาคาร

ลูกค้าผู้ถือบัตรบัตรเครดิตยูโอบี บัตรเครดิตทูมอร์โรว์ บัตรกดเงินสดยูโอบีแคชพลัสและลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล i-Cash ยังสามารถเปลี่ยนยอดหนี้คงค้างเป็นยอดผ่อนชำระรายเดือนสูงสุด 48 รอบบัญชี และเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้าน สามารถแจ้งความประสงค์พักชำระเงินต้นโดยชำระเฉพาะดอกเบี้ยเป็นเวลา 12 รอบบัญชี

นอกจากนี้ ลูกค้ารายย่อยธนาคารยูโอบี ทีมีหนี้คงค้างในบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อบุคคลสามารถสมัครเข้าโครงการรวมหนี้ (Debt Consolidation Programme) ได้หากมีสินเชื่อบ้านยูโอบี โดยจะช่วยให้ลูกค้าลดภาระดอกเบี้ยและค่าผ่อนชำระต่อเดือนเมื่อเทียบกับสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน โดยจะใช้บ้านเป็นหลักประกันแทน

มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจ
จากมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ หรือ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ได้มีมาตรการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบธุรกิจ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี และไม่เรียกเก็บดอกเบี้ย 6 เดือนแรก เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี โดยผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ จนถึงวันที่ 9 เมษายน 2566

สำหรับลูกค้าปัจจุบัน ต้องมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารยูโอบี ไม่เกิน 500 ล้านบาท ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 โดยวงเงินอนุมัติต้องไม่เกินร้อยละ 30 ของวงเงินสินเชื่อเพื่อธุรกิจที่มีอยู่กับธนาคารยูโอบี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 หรือวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่ากัน ซึ่งจะต้องไม่เกิน 150 ล้านบาท โดยรวมสินเชื่อตาม พรก. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 มีผลบังคับใช้ ณ เดือน เมษายน 2563

สำหรับลูกค้าใหม่ ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อเพื่อธุรกิจกับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย มาก่อน ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ลูกค้าสามารถขอวงเงินสินเชื่อกับธนาคารได้สูงสุดไม่เกิน 20 ล้านบาท เมื่อนับรวมวงเงินจากทุกสถาบันการเงิน

ลูกค้าที่สนใจสามารถแจ้งความประสงค์มาที่ UOB Call Centre โทร 02 285 1555 หรือ UOB Biz Call Centre โทร 02 343 3555 หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected]

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit