JR มือขึ้น! คว้างานสร้างโรงไฟฟ้า BGRIM มูลค่า 165.85 ลบ. "โครงการสถานีไฟฟ้าย่อยขนาด 115kV และ 22kV"

28 Sep 2021

บมจ.เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ (JR) สุดเจ๋ง! คว้างานใหม่สร้างโรงไฟฟ้าของ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 3 จำกัด มูลค่ารวม 165.85 ลบ. ในโครงการสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยขนาด115kV และ22kV ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง ระยะเวลาก่อสร้าง 15 เดือน ฟากซีอีโอ"จรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ" ระบุโครงการดังกล่าว จะช่วยสนับสนุนให้มูลค่า Backlog เพิ่มขึ้นแตะระดับ 5.5 พันล้านบาท ทำให้มีรายได้รอรับรู้ระยะยาวกว่า 3 ปี เดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อีกเพียบ เน้นงานมาร์จิ้นสูง มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

JR มือขึ้น! คว้างานสร้างโรงไฟฟ้า BGRIM มูลค่า 165.85 ลบ. "โครงการสถานีไฟฟ้าย่อยขนาด 115kV และ 22kV"

นายจรัญ วิวัฒน์เจษฎาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู.ยูทิลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JR เปิดเผยว่าบริษัทฯได้ลงนามในสัญญาการจ้างงานในโครงการสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยขนาด115 kVและ 22k V มูลค่าโครงการรวม 165.85 ล้านบาท (รวมvat) ซึ่งเป็นโครงการของ บริษัท อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) 3 จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยมีระยะเวลาในการก่อสร้าง 15 เดือน (ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2564 - วันที่ 19 ธันวาคม 2565) ซึ่งเป็นประเภทงานวิศวกรรม ก่อสร้าง และงานจัดซื้อของโครงการ

"การได้งานในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯมีงานในมือรอรับรู้รายได้( Backlog) เพิ่มขึ้นแตะระดับ 5,500 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีแผนที่จะเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 4/256 ยังมีที่คาดว่าจะประมูลอีกราว 200 ล้านบาท โดยเป็นงานวางระบบไฟฟ้า 180 ล้านบาท และงานวางระบบสื่อสาร 19 ล้านบาท ส่วนในช่วงปี 2565 คาดว่าจะยังมีงานที่จะเข้าประมูลอีกราว 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงานวางระบบไฟฟ้า 6,700 ล้านบาท และงานวางระบบสื่อสาร 480 ล้านบาท ดังนั้นสะท้อนให้เห็นว่า JR ยังคงมีผลงานที่เติบโตต่อเนื่องในระยะยาว"นายจรัญกล่าว

เขากล่าวอีกว่าแนวโน้มการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังยังเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากมีงานในมือรอรับรู้รายได้ไว้แล้ว ขณะที่มีการประมูลงานโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติมต่อเนื่อง เน้นงานโครงการที่มีมาร์จิ้นสูง รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนงานขายอุปกรณ์มากขึ้นในระหว่างที่รอการเปิดให้ประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง-สีชมพู เฟส 2 มูลค่า กว่า 6,000 ล้านบาท รวมทั้งปัจจุบันประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายอยู่ในระดับที่ดี ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถรักษาอัตราการทำกำไรไว้ได้เป็นอย่างดีและมั่นใจว่าผลงานในปี 2564 จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

นอกจากนี้ บริษัทฯยังใช้ความเป็น Engineering Base และ IT Solution Base ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ในการขยายงานไปยังประเภท Oil&Gas มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มลูกค้าและรายได้เริ่มทยอยเข้ามาแล้ว โดยจากที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปเจาะในกลุ่มฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ โดยเป็นงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยให้กับโครงการของบริษัทไทยออยล์ ซึ่งบริษัทฯรับงานจากกิจการร่วมค้า Petrofac South East Asia, Saipem Singapore และ Samsung Engineering ทำให้มั่นใจว่าจะช่วยผลักดันธุรกิจของกลุ่มบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง