เมย์แบงก์ โชว์ผลการดำเนินงานประจำปี 2564 ฟอร์มดี กำไรพุ่ง 57.04%

28 Jan 2022

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2564  โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 760.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.04 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 484.45 ล้านบาท

เมย์แบงก์ โชว์ผลการดำเนินงานประจำปี 2564 ฟอร์มดี กำไรพุ่ง 57.04%

นายอารภัฏ สังขรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หรือ MST (Maybank Securities Thailand) กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับปี 2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 760.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 276.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.04 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 484.45 ล้านบาท บริษัทฯ จึงใคร่ขอชี้แจงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่มีสาระสำคัญดังนี้ รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 500.14 ล้านบาท จาก 1,976.45 ล้านบาท เป็น 2,476.59 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.30 เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 525.34 ล้านบาท จาก 1,792.76 ล้านบาท เป็น 2,318.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.30 อันเป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 68,606.91 ล้านบาท/วัน เป็น 93,845.64 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.79 และสัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 43.66 เป็น ร้อยละ 46.52 อันเป็นผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลเพิ่มขึ้นจาก 29,956.10 ล้านบาท/วัน เป็น 43,660.58 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.75 ในขณะที่รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 25.99 ล้านบาท จาก 183.69 ล้านบาท เหลือ 157.70 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 14.15 รวมถึงรายได้ค่านายหน้าอื่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้ค่านายหน้าจากบริการเสนอซื้อหลักทรัพย์จากประชาชนทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 100.00

สำหรับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 71.43 ล้านบาท จาก 139.09 ล้านบาท เป็น 210.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น  ร้อยละ 51.36 เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 36.11 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 9.34 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมการขายและการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้น 33.36 ล้านบาท ในขณะที่ค่าธรรมเนียมและบริการอื่นลดลง 7.38 ล้านบาท ในส่วนของรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 203.13 ล้านบาท จาก 702.28 ล้านบาท เป็น 905.41 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.92 เนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 172.55 ล้านบาท กำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้น 82.53 ล้านบาท ในขณะที่รายได้อื่นลดลง 51.95 ล้านบาท

"ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมานับว่าได้ผลเกินเป้าหมายและความคาดหวัง บริษัทฯ ขอขอบคุณทีมงานในความมุ่งมั่นและความร่วมมือเพื่อมอบบริการให้แก่ลูกค้าของเรา ในปี 2565 บริษัทฯ พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจอย่างเต็มกำลัง เรามองเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อการระบาดใหญ่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นและการดำเนินวิถีชีวิตจะกลับสู่สภาวะปกติ กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นคืนชีพ เพื่อให้ครัวเรือนสามารถสร้างรายได้ และต่อจากนั้นจะเป็นไปตามกลไกการเติบโตตามธรรมชาติของการฟื้นตัวจากการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งในทางกลับกันวงจรการลงทุนก็จะเริ่มต้นอย่างก้าวกระโดด ขยายผลประโยชน์ของการส่งออกที่จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของโลก สำหรับอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ไทย ยังคงมีความแข็งแกร่งโดยฟื้นความเชื่อมั่นและแรงผลักดันที่เข้มแข็งในการสร้างความมั่งคั่งขึ้นมาใหม่ ท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราได้มีโอกาสต้อนรับทีมงาน Relationship Manager และผู้แนะนำการลงทุนใหม่ๆ ที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วมสนับสนุนในบริการ Wealth Management ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ในปีนี้เราพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ในขณะที่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าธุรกิจตามเป้าหมายหลักในการกระจายการลงทุนไปยังประชาชนให้ได้อย่างทั่วถึงต่อไป" นายอารภัฏ กล่าวเพิ่มเติม