SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 10 ในอัตรา 0.25272 บาทต่อหน่วย วันที่ 10 มิ.ย. นี้

13 May 2022

นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate & Infrastructure Investment บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ BBLAM เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) จะจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 10 สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรก หรือระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2565 จากกำไรสะสม ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.25272 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 10 มิถุนายน 2565

SUPEREIF เตรียมจ่ายปันผลครั้งที่ 10 ในอัตรา 0.25272 บาทต่อหน่วย วันที่ 10 มิ.ย. นี้

เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งล่าสุด SUPEREIF จ่ายเงินปันผลรวม 10 ครั้ง คิดเป็นเงิน 2.23031 บาทต่อหน่วย และจ่ายเงินคืนทุนไป 1 ครั้ง ในอัตรา 0.040 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินปันผลและเงินคืนทุนที่จ่ายออกไปทั้งสิ้น 2.27031 บาทต่อหน่วย

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสแรก ปี 2565 นั้น SUPEREIF มีรายได้รวม 225.8 ล้านบาท ลดลง 5.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 17.8% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 184.3 ล้านบาท ลดลง 4.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 23.4% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2564 อัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 81.6% สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 81.2% และสูงกว่าไตรมาสที่ 4 ปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 77.9%

ทั้งนี้ SUPEREIF ลงทุนในสิทธิในรายได้สุทธิจากการดำเนินโครงการกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาดเล็กมากของบริษัท 17 อัญญวีร์ โฮลดิ้ง จำกัด และ บริษัท เฮลท์ แพลนเน็ท เมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 19 โครงการ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี สระบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ปราจีนบุรี สระแก้ว พิจิตร และเพชรบูรณ์ โดยมีปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดที่เสนอขายตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง (แล้วแต่กรณี) รวม 118 เมกะวัตต์

ขณะที่ ระยะเวลาโอนสิทธิรายได้สุทธิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2562 จนถึงวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแต่ละโครงการ ซึ่งระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 21-22 ปี นับจากวันที่ 14 สิงหาคม 2562 โดยวันสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าโครงการสุดท้ายจะสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคม 2584

ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต