ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง "TEGH" ขายไอพีโอ 324 ล้านหุ้น เข้าเทรด SET ปีนี้ เสริมแกร่งนำเงินขยายการลงทุนในอนาคต

01 Jul 2022

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ("บริษัทฯ") หรือ TEGH จ่อขายไอพีโอ จำนวน 324 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปีนี้ ระดมทุนรองรับแผนการลงทุนในโครงการในอนาคตเพื่อขยายธุรกิจและพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทฯ

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง "TEGH" ขายไอพีโอ 324  ล้านหุ้น  เข้าเทรด SET ปีนี้ เสริมแกร่งนำเงินขยายการลงทุนในอนาคต

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ TEGH เปิดเผยว่า ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ TEGH เป็นที่เรียบร้อย

โดย TEGH ได้ยื่นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 324 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 270 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย SK INTERTRADE PTE. LTD. จำนวนไม่เกิน 54 ล้านหุ้น คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2565 ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร

TEGH ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 2. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ และ 3. ธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ ผ่านการดำเนินงานของบริษัทย่อย จำนวน 11 บริษัท และการร่วมค้า จำนวน 1 บริษัท

นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของบริษัทฯ กล่าวว่าผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลังที่ผ่านมา (2562-2564) กลุ่มบริษัทฯ TEGH มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการตามงบการเงินรวม เท่ากับ 8,091.40 ล้านบาท 8,196.25 ล้านบาท และ 11,087.76 ล้านบาท ตามลำดับ และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 52.65 ล้านบาท 37.65 ล้านบาท และ 562.64 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในปี 2564 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 524.99 ล้านบาท จากรายได้ของธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบที่เพิ่มสูงขึ้น สาเหตุหลักจากราคาขายเฉลี่ยและปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าเพิ่มขึ้นจากสาเหตุเดียวกัน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้มาจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติเป็นหลัก โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือมีกลุ่มลูกค้าเป็นผู้ผลิตยางล้อชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง อาทิ Michelin, Bridgestone, Goodyear, Sumitomo, Pirelli, Continental, Apollo, Prometeon, Yokohama, Hankook, Nexen, Sentury, Westlake, Kama, Deetone,Otani, Vee Rubber, Superstone, Prinx Chengshan, Kumho และ Zhongce เป็นต้น ประกอบกับมีทีมผู้บริหารที่มีความรู้และประสบการณ์ในธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง

นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TEGH เปิดเผยว่าแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็นองค์กร "พันธมิตรทางธุรกิจระดับโลกที่สร้างห่วงโซ่คุณค่าที่ยั่งยืน" อีกทั้งการระดมทุนในครั้งนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของ TEGH อีกด้วย

สำหรับวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO คือ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการในอนาคตของกลุ่มบริษัทฯ และกระบวนการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของบริษัทฯ ในการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงเพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทฯ อีกด้วย