บลจ.ทิสโก้เปิด "TCHSTRATEGY" หวังปั้นกำไรโตตามแผนยุทธศาสตร์ชาติจีน

27 Jul 2022

บลจ.ทิสโก้เปิดกองทุน ทิสโก้ China Strategy (TCHSTRATEGY) เน้นลงทุนหุ้นจีนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กลุ่มอุปโภคบริโภค (Consumption) ไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) สารกึ่งตัวนำ (Semiconductor) และพลังงานสะอาด (Clean Technology) ปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนระดับโลกตามสภาวะตลาด หวังสร้างกำไรโตตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจจีน เปิด IPO 1 - 9 ส.ค. 65

บลจ.ทิสโก้เปิด "TCHSTRATEGY"  หวังปั้นกำไรโตตามแผนยุทธศาสตร์ชาติจีน

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า "ประเทศจีน" มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงในระยะยาว โดยในช่วงปี 2564 - 2568 รัฐบาลจีนจะเดินหน้านโยบายต่างๆ ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 โดยตั้งเป้าจะยกระดับประเทศในหลายมิติ เช่น ยกระดับการบริโภคในประเทศ (Domestic Consumption) โดยลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศ เพื่อให้การบริโภคในประเทศขยายตัวขึ้น และวางเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5.0 ทั้ง 5G, AI, Internet of Things, Semiconductors และ Smart Cities ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนยังมีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเฮลธ์แคร์ (Healthcare) ผ่าน "Healthy China 2030 Plan" ด้วยการพัฒนาคุณภาพยาร่วมกับต่างชาติ เพิ่มความคล่องตัวในการอนุมัติยาตัวใหม่ ตลอดจนเพิ่มงบประมาณในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ในอุตสาหกรรม Healthcare โดยในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยถึง 17.7% ต่อปี สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียงแค่ราว 4.5% ต่อปี สำหรับนโยบายด้านพลังงานนั้นรัฐบาลจีนตั้งเป้าว่าจีนจะต้องเป็นประเทศที่ "ปลอดคาร์บอน" ให้ได้ภายในปี 2603 ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ สถานีชาร์จและรถยนต์ไฟฟ้า

ดังนั้น เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดทุกอุตสาหกรรมที่เป็นเรือธงของเศรษฐกิจจีน บลจ.ทิสโก้จึ่งเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ China Strategy (TCHSTRATEGY) ระดับความเสี่ยง 6 (เสี่ยงสูง) ลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ และ/หรือกองทุนรวมอีทีเอฟตราสารทุนต่างประเทศ เน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของประเทศจีน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในด้านต่างๆ รวมถึงบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนในระยะยาว เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) 1 - 9 สิงหาคม 2565

" ปัจจุบันกองทุนหลักจะกระจายการลงทุนไปยัง 4 กลุ่มธุรกิจของจีน เช่น กลุ่มอุปโภคบริโภค (Consumption) ได้ประโยชน์โดยตรงจากพลังผู้บริโภค 1,400 ล้านคนของจีน กลุ่มธุรกิจไบโอเทคโนโลยี (Biotechnology) ได้ประโยชน์จากรัฐบาลเดินหน้าสนับสนุนธุรกิจเฮลธ์แคร์ และการเข้าสู่สังคมสูงอายุของจีน กลุ่มธุรกิจสารกึ่งตัวนำ (Semiconductor) ได้ประโยชน์จากการสนับสนุนเทคโนโลยี ซึ่ง Semiconductor เป็นเมล็ดพันธุ์ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่แทรกซึมอยู่ในทุกอุปกรณ์ เช่น จอแสดงผลโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึง วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย และสุดท้ายคือพลังงานสะอาด (Clean Technology) ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากแผนพัฒนาฯ ทำให้นักลงทุนไม่พลาดทุกโอกาสการเติบโตของจีน โดยกองทุนจะปรับเปลี่ยนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ลงทุนไปตามภาวะตลาด" นายสาห์รัชกล่าว

สำหรับตัวอย่างบริษัทที่กองทุนหลักเข้าไปลงทุน เช่น WuXi Biologics (Cayman) Inc. ผู้นำด้านยาและเวชภัณฑ์รายใหญ่ของจีน ผู้พัฒนาและวิจัยยาจากสารชีวภาพ ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) มีสำนักงานอยู่ทั้งในจีนและต่างประเทศ โดยข้อมูลจากคาดการณ์นักวิเคราะห์ใน Bloomberg Consensus วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 คาดว่า ในปี 2565 บริษัทจะมีรายได้เติบโต 39% เมื่อเทียบปีก่อน (YOY) และปี 2566 รายได้จะเติบโต 38% YOY

บริษัทต่อมาคือ NAURA Technology Group บริษัทชั้นนำด้านอุปกรณ์ Semiconductor รระดับ High End อุปกรณ์ระบบแบตเตอรี่พลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศจีน ข้อมูลจากคาดการณ์นักวิเคราะห์ใน Bloomberg Consensus วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 คาดว่า ในปี 2565 บริษัทจะมีรายได้เติบโต 39% เมื่อเทียบปีก่อน (YOY) และปี 2566 รายได้จะเติบโต 34% YOY

และ China Yangtze Power Co Ltd ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานทดแทนรายใหญ่ของจีน ข้อมูลจาก คาดการณ์นักวิเคราะห์ใน Bloomberg Consensus ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2565 คาดว่า ในปี 2565 บริษัทจะมีรายได้เติบโต 5% เมื่อเทียบปีก่อน (YOY) และปี 2566 รายได้จะเติบโต 10% YOY

พิเศษสำหรับลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนในกองทุน TCHSTRATEGY ตั้งแต่วันที่ 1 - 9 สิงหาคม 2565 ตั้งแต่ 10 - 19.99 ล้านบาท รับทองคำหนัก 1 สลึง และยอดเงินลงทุนสะสมตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป รับทองคำหนัก 2 สลึง (1 สิทธิ ต่อ 1 ท่าน) ต่อที่สอง สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ลงทุนกองทุน TCHSTRATEGY ผ่านช่องทาง eInvest และ TISCO My Funds ตั้งแต่วันที่ 1 - 9 สิงหาคม 2565 ทุกๆ ยอดเงินลงทุนสะสม 50,000 บาท รับหน่วยลงทุนกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรระยะสั้น (TISCOSTF) มูลค่า 100 บาท สูงสุด 1,000 บาท

กองทุนเปิด TCHSTRATEGY อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ศึกษาข้อมูลสำคัญของกองทุนรวม โดยเฉพาะนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนที่ได้เปิดเผยไว้ที่ www.tiscoasset.com และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds??