MTC เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้กับผู้ลงทุนทั่วไป อายุ 2 ปี และอายุ 3 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 3.65-4.00% เผยนำเงินไปคืนหนี้เดิมและขยายธุรกิจที่ยังโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าโต 20-25% ตลอด 4 ปี

22 Sep 2022

บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ("MTC") เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 รุ่น ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราผลตอบแทน 3.65% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราผลตอบแทน 4.00% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 21 และวันที่ 25 - 26 ตุลาคม นี้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้ที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 ซึ่งอยู่ระดับ Investment Grade เผยนำเงินที่ได้ไปคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนและขยายธุรกิจที่ยังโตต่อเนื่อง

MTC เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้กับผู้ลงทุนทั่วไป อายุ 2 ปี และอายุ 3 ปี 6 เดือน ดอกเบี้ย 3.65-4.00% เผยนำเงินไปคืนหนี้เดิมและขยายธุรกิจที่ยังโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าโต 20-25% ตลอด 4 ปี

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยวัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤศจิกายน และใช้ขยายกิจการของบริษัทที่ยังโตต่อเนื่อง

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า "การออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำเงินที่ได้รับไปคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤศจิกายน 2565 ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้ในการปล่อยสินเชื่อใหม่ซึ่งทางบริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโต 20 - 25% ตลอด 4 ปี ทำให้บริษัทฯ ยังมีความต้องการที่จะต้องใช้เงินในการปล่อยสินเชื่อใหม่และนำไปคืนหนี้เดิมที่จะครบกำหนด ซึ่งถ้าดูจากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาจนถึงงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 พอร์ทสินเชื่อของบริษัทฯ เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จาก 48,000 ล้านบาทในปี 2561 ขยับขึ้นมาเป็น 60,388 ล้านบาทในปี 2562, 70,968 ล้านบาทในปี 2563, 91,812 ล้านบาทในปี 2564 และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา พอร์ทสินเชื่อของบริษัทฯ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107,401 ล้านบาท เห็นได้ว่าบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ทำให้บริษัทฯ ยังต้องการเงินทุนใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องซึ่งหุ้นกู้ก็ถือเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญของบริษัทฯ ในส่วนของกำไรสุทธิก็เติบโตอย่างต่อเนื่องแม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์ Covid-19 โดยกำไรสุทธิของบริษัทฯในช่วงปี 2561 - 2564 และ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ 3,713 ล้านบาท 4,237 ล้านบาท 5,214 ล้านบาท 4,945 ล้านบาท และ 2,756 ล้านบาท ตามลำดับ"

"ในส่วนของหนี้เสียหรือ NPL ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.96% บริษัทฯ เชื่อว่าผลดีจากการเปิดประเทศ จะทำให้เศรษฐกิจในประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับราคาพืชผลการเกษตรที่ปรับสูงขึ้น และค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลเพื่งปรับเพิ่มขึ้น จะทำบริษัทสามารถบริหารจัดการอัตราส่วน NPL ให้อยู่ในกรอบตามเป้าที่บริษัทตั้งไว้"

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณ 100,000 บาท โดยคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 21 และ 25 - 26 ตุลาคม 2565 และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ดังนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking ได้อีก 1 ช่องทาง) โทร. 1333
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/)
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 02-888-8888 กด 819
  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Mobile Application - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง) โทร. 02-626-7777
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56

หมายเหตุ: บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ
การจัดสรรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ เงื่อนไขการจัดจำหน่ายเป็นไปตามที่กำหนดในร่างหนังสือชี้ชวน