บลจ.กสิกรไทย ส่งเทอมฟันด์ อายุ 1 ปี 11 เดือน ชวนลงทุนในประเทศผ่านหุ้นกู้บริษัทชั้นนำคุณภาพดี

18 Oct 2022

บลจ.กสิกรไทย เสนอขายกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดระยะเวลา มองเป็นจังหวะเข้าลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนผ่านตราสารหนี้ไทยคุณภาพดี เปิดเสนอขายครั้งแรก 18 - 27 ต.ค.นี้

บลจ.กสิกรไทย ส่งเทอมฟันด์ อายุ 1 ปี 11 เดือน ชวนลงทุนในประเทศผ่านหุ้นกู้บริษัทชั้นนำคุณภาพดี

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ไทย 23MA ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KTF23MA-BR) ประมาณการผลตอบแทน 2.25% ต่อปี โดยเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ซึ่งจะเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 18 - 27 ตุลาคม 2565

นายชัชชัยกล่าวต่อไปว่า KTF23MA-BR เป็นกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดระยะเวลาที่มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี 11 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ และ/หรือ เงินฝากในประเทศ ผ่านกลยุทธ์การลงทุนแบบถือครองทรัพย์สินที่ลงทุนไว้จนครบอายุโครงการ (Buy and Hold) โดยมุ่งจ่ายผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอในทุก 6 เดือน ผ่านการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนแบบอัตโนมัติ (Auto Redemption) ไม่เกินปีละ 2 ครั้ง อย่างไรก็ดี หุ้นกู้ที่กองทุนเข้าไปลงทุนล้วนเป็นบริษัทชั้นนำของไทยมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ตั้งแต่ A ขึ้นไป ซึ่งมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างดีจากผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ

ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนจะเข้าลงทุนในหุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย 6 บริษัทชั้นนำของไทยในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน), บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ หากมีการลงทุนในตราสารประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยเต็มจำนวน

"คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มองเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 3.3% และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าอยู่ที่ 3.8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการท่องเที่ยวและการบริโภค นอกจากนี้ การดำเนินนโยบายทางการเงินยังมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งใช้นโยบายแบบตึงตัว ซึ่งจาก 2 ปัจจัยข้างต้น ทำให้ภาพการลงทุนในไทยยังคงมีความน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวนสูง และมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ ดังนั้น ในภาวะที่ตลาดยังมีความไม่แน่นอนเช่นนี้ การลงทุนในตราสารหนี้ไทยคุณภาพดีผ่านกองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดระยะเวลา จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ลงทุน" นายชัชชัยกล่าว

นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน KTF23MA-BR เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทน มีระยะเวลาการลงทุนที่ชัดเจน และเป็นผู้ที่เงินลงทุนสูง โดยผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บลจ.กสิกรไทยจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888

ตราสารที่กองทุน KTF23MA-BR คาดว่าจะลงทุนอันดับเครดิตสัดส่วน การลงทุนประมาณการผลตอบแทน (ต่อปี)
ของตราสารของกองทุน
หุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), ประเทศไทยA-/TRIS19.00%2.50%0.48%
หุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), ประเทศไทยA/TRIS19.00%2.50%0.48%
หุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน), ประเทศไทยA+/TRIS17.00%2.50%0.43%
หุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน), ประเทศไทยA-/TRIS15.00%2.40%0.36%
หุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ประเทศไทยAA-/TRIS15.00%2.30%0.35%
หุ้นกู้/ตั๋วแลกเงินที่ออกโดย บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน), ประเทศไทยAA-/TRIS15.00%2.20%0.33%
รวม 2.43%
ประมาณการค่าใช้จ่ายกองทุน(0.18%)
ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับ2.25%