บล.ทิสโก้ปรับเป้าหุ้นไทยปี 65 เหลือ 1,650 จุด จาก 1,700 จุด พร้อมหั่นคาดการณ์กำไร บจ.ไทย เหลือ 96 บาทต่อหุ้น

02 Dec 2022

บล.ทิสโก้ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2565 เหลือ 1,650 จุด จากเดิม 1,700 จุด รับกับคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นที่ลดลงเหลือ 96 บาทต่อหุ้น จากเดิม 99.9 บาท เพราะเศรษฐกิจไทยอาจโตต่ำกว่าคาด พร้อมเตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุนมากเป็นพิเศษในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 เพราะเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย

บล.ทิสโก้ปรับเป้าหุ้นไทยปี 65 เหลือ 1,650 จุด จาก 1,700 จุด  พร้อมหั่นคาดการณ์กำไร บจ.ไทย เหลือ 96 บาทต่อหุ้น

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า แม้การประชุมธนาคารกลางสำคัญในเดือนธันวาคมนี้ ทั้งสหรัฐฯ (FED), สหภาพยุโรป (ECB) และอังกฤษ (BOE) คาดว่าจะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น +50 bps เทียบกับที่ขึ้นดอกเบี้ย +75 bps ในการประชุมครั้งก่อน แต่บล.ทิสโก้มองตลาดหุ้นโลกที่ปรับตัวขึ้น 2 เดือนติดต่อกันในเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน ที่ผ่านมารวมกว่า 14% ได้ตอบสนองเชิงบวกไปพอสมควรแล้ว

หากมองไปปีหน้า บล.ทิสโก้เชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักมากขึ้นกับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่หลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ยากลำบาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ความกังวลเศรษฐกิจถดถอย นอกจากจะสะท้อนมาในส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Bond Yield) คู่ของอายุ 10 ปี และ 2 ปี ที่ติดลบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ล่าสุดส่วนต่าง US Bond Yield คู่ของอายุ 10 ปี และ 3 เดือน เพิ่งติดลบในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งบล.ทิสโก้มองว่าเป็นคู่สำคัญที่ช่วยยืนยันโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะข้างหน้าได้อย่างแม่นยำโดยใช้เวลาเฉลี่ย 19 เดือนหลัง Yield Curve ติดลบ

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นจะตอบสนองล่วงหน้าด้วยการปรับตัวลงก่อนประมาณ 6 เดือน ดังนั้นหากอิงการปรับฐานลงครั้งใหญ่ของราคาหุ้นในอดีตเทียบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุนมากเป็นพิเศษตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 2566 เป็นต้นไป

นายอภิชาติกล่าวอีกว่า ในส่วนของมุมมองกำไรสุทธิต่อหุ้น และดัชนีหุ้นไทยนั้น หลังจากที่งบ Q3 โดยรวมออกมาแย่กว่าคาด และ TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU) มีแนวโน้มจะหั่นประมาณการเศรษฐกิจไทยปีหน้าลงจากปัจจุบันที่คาดไว้ที่ +4.1% บล.ทิสโก้จึงปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นของตลาด (SET EPS) ปี 2565- 2566 เป็น 96 บาท และ 99.5 บาท จากเดิม 99.9 บาท และ 103.8 บาท ตามลำดับ ส่งผลให้เป้าหมาย SET Index เหมาะสมสิ้นปีนี้ปรับลงจากเดิม 1700 จุด เป็น 1650 จุด (หลัก ๆ จากการปรับ SET EPS ลง) และสิ้นปีหน้าปรับลดลงจากเดิม 1680 จุด เป็น 1590 จุด (มาจากการปรับ SET EPS ลง และปรับระดับ PER ที่เหมาะสมลงจาก 16.6 เท่า เป็น 15.4 เท่า หรือ De-rating เพื่อสะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอยและรัฐเตรียมเก็บภาษีการขายหลักทรัพย์)

อย่างไรก็ดี บล.ทิสโก้ยังมอง SET Index ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้าในเชิงบวกจากโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อเนื่อง, โอกาสเกิดการเลือกตั้ง และคาดหวังจีนจะทยอยเปิดประเทศ โดยบล.ทิสโก้มอง SET Index มีโอกาสที่จะขึ้นทะลุระดับ 1700 จุดในช่วงครึ่งปีแรกก่อนที่จะปรับตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง

ด้วยภาวะตลาดหุ้นไทยเดือน ธันวาคม ที่คาดจะแกว่งไซด์เวย์ไม่ไปไหนในกรอบหลัก 1610-1650 บล.ทิสโก้เน้นหุ้นคุณภาพดีขนาดกลางถึงใหญ่ที่ยังมี Upside น่าสนใจอยู่ แนะนำ BBL, BDMS ผสานกับหุ้นที่คาดจะมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุนในระยะสั้น ชอบ DTAC (คาดจะได้ข้อสรุปควบรวมภายในปีนี้), CENTEL, COM7, RATCH (คาดเข้า SET50 Index), CK (คาดโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโครงการหลวงพระบางลงนามสัญญาก่อสร้างได้ในเร็ว ๆ นี้) และ PTG (ได้ประโยชน์จากการเดินทางที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันปรับลง) โดยสรุป หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือน ธันวาคม คือ BBL, BDMS, CENTEL, CK, COM7, DTAC, PTG และ RATCH ด้านแนวรับสำคัญของหุ้นไทยเดือนนี้อยู่ที่ 1610 และแนวรับถัดไปที่ 1590 จุด และแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1650 (เน้น) และแนวต้านถัดไปที่ 1680 จุด