'ส. ขอนแก่นฟู้ดส์' ประกาศผลงานปี 2567 เติบโตแข็งแกร่ง กวาดรายได้จากการขาย 3,341.3 ลบ.

05 Mar 2025

'ส. ขอนแก่นฟู้ดส์' ประกาศผลงานปี 2567 เติบโตแข็งแกร่ง กวาดรายได้จากการขาย 3,341.3 ลบ. ดันกำไรสุทธิส่วนของบริษัทฯ พุ่ง 144.1% รับกระแสการบริโภคแหนม และราคาสุกรโตเด่น บอร์ดฯ เคาะจ่ายปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น พร้อมเปิดโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 81 ลบ.

'ส. ขอนแก่นฟู้ดส์' ประกาศผลงานปี 2567 เติบโตแข็งแกร่ง กวาดรายได้จากการขาย 3,341.3 ลบ.

'ส. ขอนแก่นฟู้ดส์' หรือ SORKON ประกาศผลดำเนินงานปี 2567 ทำรายได้จากการขาย 3,341.3 ล้านบาท หลังกลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสุกรและกลุ่มงานฟาร์มสุกรโตเด่น และทำกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 133.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.1% รับประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้ดี ด้านบอร์ดไฟเขียวประกาศจ่ายปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น พร้อมประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 81 ล้านบาท จำนวนหุ้นไม่เกิน 16.17 ล้านหุ้น เริ่ม 3 มีนาคมนี้

นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศ บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 (ตุลาคม-ธันวาคม) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 904.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในงวดปี 2567 เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการขาย 3,341.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากปีก่อน โดยปัจจัยความสำเร็จมาจากการเติบโตของยอดขายธุรกิจอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รับกระแสจากเทรนด์ของการบริโภคผลิตภัณฑ์แหนม ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ขณะเดียวกัน มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจฟาร์มสุกร อันเป็นผลมาจากปัจจัยด้านราคาสุกรที่ขยับตัวสูงขึ้น รวมถึงจำนวนสุกรที่ขายได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ในงวดปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากกลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสุกร จำนวน 1,853.9 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 55.5% ของยอดขายรวม เติบโต 10.6% ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์การส่งเสริมการขาย จึงทำให้เกิดความนิยมในผลิตภัณฑ์มากขึ้น นอกจากนี้ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รายได้กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป จำนวน 1,065 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 31.9% ของยอดขายรวม ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯ ได้จำหน่ายสินค้าในกลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีจึงส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นจากกลุ่มธุรกิจนี้เพิ่มสูงขึ้น

ด้านรายได้กลุ่มงานร้านอาหาร Quick Service Restaurant (QSR) จำนวน 77.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.3% ของยอดขายรวม เติบโต 15.7% โดยมีการเปิดสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพ ประกอบกับได้ปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรไปแล้วตั้งแต่ปีก่อน รวมถึงได้เพิ่มอาหารในรูปแบบบุฟเฟต์ ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้กลุ่มงานฟาร์มสุกร จำนวน 344.7 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10.3% ของยอดขายรวม เติบโต 26.1%เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจฟาร์มยังคงได้รับผลบวกอย่างต่อเนื่อง จากราคาตลาดเนื้อสุกรที่ปรับสูงขึ้น ทำให้สามารถบริหารจัดการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้ผลการดำเนินงานโดยภาพรวมของกลุ่มฟาร์มสุกรดีขึ้น และ รายได้จากการให้เช่าและบริการ จำนวน 16.1 ล้านบาท เติบโต 25.6% โดยสามารถหาผู้เช่ารายใหม่ได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายคงที่ได้ดีขึ้น

ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในไตรมาส 4/2567 ทำได้ 31.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 151.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในงวดผลการดำเนินงานปี 2567 ทำได้ 133.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 144.1% จากปีก่อน ตามผลประกอบการของธุรกิจฟาร์มสุกรที่เพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากปัจจัยราคาสุกรที่เพิ่มสูงขึ้นตามที่ได้กล่าวไว้ และต้นทุนอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ลดลง ประกอบกับกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนการขายของสินทรัพย์ชีวภาพที่เพิ่มขึ้น จำนวน 17.2 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ โดยรวมเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2567 เป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินปันผลจำนวน 80,850,000 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 9 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น หากได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 29 เมษายน 2568 นี้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศ SORKON กล่าวว่า นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ภายในวงเงินไม่เกิน 81,000,000 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 16,170,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 5.0 ซึ่งไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยจะดำเนินการด้วยวิธีจับคู่อัตโนมัติผ่านระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ กำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืนตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม - 31 สิงหาคม 2568 ทั้งนี้ เพื่อการบริหารสภาพคล่องของกิจการในกรณีที่ราคาหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมมากเกินไป และบริษัทฯ มีกำไรสะสมและสภาพคล่องทางการเงินสูงกว่าความต้องการใช้ดำเนินธุรกิจในช่วงระยะเวลาดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืน