ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังเต็มไปด้วยความผันผวน ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ประกาศแผนกลยุทธ์ ปี 2568 ภายใต้แนวคิด "The MEANINGFUL Change" ตอกย้ำปรัชญาในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย ผ่านโปรแกรมช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อ ทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจให้สามารถปลดหนี้และฟื้นตัวได้ พร้อมเติบโตได้อย่างมั่นคง อีกทั้งเดินหน้ายกระดับดิจิทัลโซลูชันเพื่อให้บริการทางการเงินที่เข้าถึงง่าย สะดวก คุ้มค่าและเป็นมากกว่าการทำธุรกรรม
เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรง สงครามการค้าระหว่างมหาอำนาจ ทำให้ทั้งภาคธุรกิจและประชาชนเผชิญภาระทางการเงินหนักขึ้น สำหรับประเทศไทยปัญหาเชิงโครงสร้างยังคงเรื้อรัง คนไทยเผชิญภาวะ "แก่แต่ยังเป็นหนี้" รายได้ไม่เพิ่มแต่ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 16.3ล้านล้านบาท หรือ 89% ของ GDP ธุรกิจ SME ถูกดิสรัป เข้าถึงแหล่งทุนได้ยากขึ้น และธุรกิจต้องปิดตัวลงมากขึ้น สถานการณ์เหล่านี้สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการมีมาตรการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถกลับมาตั้งหลักทางการเงินได้อีกครั้ง
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารตระหนักถึงปัญหาหนี้สินของคนไทยมาโดยตลอด และมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการช่วยแก้ปัญหาหนี้อย่างจริงจัง ผ่านมาตรการที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 ที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 และยังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ช่วยให้ลูกค้าจัดการภาระหนี้ได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ผ่านบริการรวบหนี้ที่ช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 2,240 ล้านบาท สินเชื่อสวัสดิการอเนกประสงค์ที่ให้พนักงานเงินเดือนองค์กรเข้าถึงสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โดยปล่อยสินเชื่อช่วยเหลือแล้วกว่า 8,800 ล้านบาท อีกทั้งยังมีโปรแกรม Financial Literacy ที่ประกอบด้วยแพลตฟอร์มตรวจสุขภาพการเงินออนไลน์ที่มีลูกค้าเข้าร่วมวัดระดับหนี้กว่า 96,000 ครั้ง คอร์สให้ความรู้ทางการเงินออนไลน์และบริการให้คำปรึกษาโค้ชปลดหนี้ โดยทั้งหมดนี้ให้บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย จนกระทั่งล่าสุดกับโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ที่ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้ลูกค้าสามารถตั้งหลักใหม่ได้
เพื่อเดินหน้าช่วยลูกค้าทุกกลุ่มปลดหนี้และสร้างเสถียรภาพทางการเงิน ทีทีบีเชื่อว่าการช่วยลูกค้าต้องเริ่มจากความเข้าใจพฤติกรรมทางการเงินของแต่ละกลุ่ม โดยพบว่าลูกค้าสินเชื่อสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ซึ่งมีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกัน ทีทีบีจึงออกแบบโปรแกรมช่วยเหลือที่ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม ได้แก่
นายปิติ กล่าวเสริมว่า "ปี 2568 เป็นปีที่ทีทีบีจะสร้าง 'The MEANINGFUL Change' ให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม เราไม่ได้เป็นเพียงธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อ แต่ต้องการสร้างเครื่องมือที่ช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง และพร้อมดูแลและช่วยเหลือให้ลูกค้าสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง"
และในปีนี้ทีทีบียังมุ่งที่จะส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินและดิจิทัลโซลูชันที่สะดวกกว่า ประหยัดกว่า คุ้มค่ากว่า และให้สิทธิประโยชน์มากกว่าเพื่อรองรับพฤติกรรมของลูกค้ายุคใหม่ที่เน้นการทำธุรกรรมด้วยตนเองผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งมีจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย 92% ของธุรกรรมวันนี้เกิดขึ้นบนช่องทางแอป ttb touch แล้ว ซึ่งลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่เรียกว่า "ทำเอง ได้มากกว่า" เช่น
นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ทีทีบีมุ่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความมีวินัยทางการเงินอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้ากลุ่มนี้อาจจะยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งที่มีประวัติผ่อนดี ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ หรือค้างชำระหนี้ ซึ่งทีทีบีมองเห็นความสำคัญของคนกลุ่มนี้จึงวางแนวทางการให้ที่มากกว่าผ่านโปรแกรม "ผ่อนดี...มีรางวัล" สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ผ่อนดีจะได้รับสิทธิประโยชน์และความคุ้มค่าที่มากกว่า ได้แก่
ซึ่งโปรแกรมผ่อนดี…มีรางวัลนี้จะเปิดให้เข้าร่วมตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน - 31 สิงหาคม 2568โดยลูกค้าทีทีบีปัจจุบันที่เป็นกลุ่มผ่อนดีก็จะได้รับสิทธิประโยชน์เช่นกัน โดยธนาคารจะมีแผนการสื่อสารรายละเอียดของโปรแกรมอีกครั้ง
นอกจากนี้ ทีทีบียังส่งเสริมให้ลูกค้าทุกคนมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ในทุกมิติอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดตัวโปรแกรม "ttb loyalty program" ครั้งแรกของวงการธนาคารไทยผ่านแอป ttb touch ที่มีการกำหนด Status Tier ให้กับลูกค้า ttb touch 5.5 ล้านราย ได้ร่วมสนุกกับการพิชิตภารกิจที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่จะตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์และด้านการเงิน และรับสิทธิสุดพิเศษเพิ่มขึ้นอีกในแต่ละช่วงเวลาสำคัญของชีวิต ลูกค้าสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและร่วมสนุกกันได้ทางแอป ttb touch
นายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ปีนี้ผู้ประกอบการธุรกิจไทยต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ไม่ว่าเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำและผันผวน ต้นทุนที่สูงขึ้น และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามท่ามกลางเศรษฐกิจดังกล่าวยังมีธุรกิจบางกลุ่มที่เติบโตได้ดี ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนที่ดีก็จะเป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้มากขึ้น ทีทีบีพร้อมช่วยให้ลูกค้าเอสเอ็มอีและธุรกิจขนาดกลางก้าวผ่านความท้าทายนี้และเติบโตได้มากกว่า ด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมและสนับสนุนเครื่องมือการเงินที่ไม่ใช่แค่เรื่องของเงินทุน แต่ช่วยแก้ปัญหาที่เผชิญอยู่เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ทีทีบียังพัฒนาซัพพลายเชนโซลูชันที่ช่วยเอสเอ็มอีเพิ่มประสิทธิภาพ และความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ รวมทั้งช่วยติดอาวุธให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนทางธุรกิจได้เหมือนธุรกิจรายใหญ่ ผ่านโซลูชันสำหรับร้านค้าอย่าง ttb smart shop ที่เป็นมากกว่าเครื่องมือรับเงินเพราะจะมาพร้อมกับรายงานเชิงลึกที่ช่วยต่อยอดและวางแผนการขายในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นยังเสริมศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและเอสเอ็มอี ด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มการเงินครบวงจรอย่าง ttb business one ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ประกอบการสามารถสมัครและเปิดบัญชีได้ด้วยตนเอง โดยในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้จะมีการเปิดตัวบัญชีดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่ออกแบบเพื่อให้สิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าสำหรับเอสเอ็มอีโดยเฉพาะ พร้อมกันนั้นทีทีบียังให้ความสำคัญด้านการสนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้ก้าวผ่านสู่มาตรฐานการทำธุรกิจใหม่ที่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมผ่าน Green Transition Solution และ ปันบุญ โดย ทีทีบี
นายปิติ กล่าวสรุปว่า "สำหรับทีทีบีการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าเป็น 'พันธกิจ'ที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด เราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายให้กับชีวิตลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีความหมายก็ต่อเมื่อมันสามารถตอบโจทย์และช่วยแก้ไขปัญหาลูกค้าที่กำลังเผชิญ และเราเชื่อว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำในปีนี้จะเป็นการสร้าง MEANINGFUL Change ให้กับลูกค้าและพร้อมเคียงข้างคนไทย จนทำให้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นได้ผ่านโซลูชัน รางวัล และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่ทีทีบีตั้งใจส่งมอบให้ตลอดทั้งปี"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit