กทม. เข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด "โรคไข้อีดำอีแดง"

06 Mar 2025

นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของ กทม. เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้อีดำอีแดงในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สนพ. ได้เตรียมมาตรการเฝ้าระวังและจัดทำแนวทางการดำเนินงานควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคไข้อีดำอีแดงอย่างใกล้ชิด โดยสั่งการให้ทุกโรงพยาบาลในสังกัดเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาด รวมถึงดำเนินการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางการรักษาของโรค

กทม. เข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด "โรคไข้อีดำอีแดง"

สำหรับโรคไข้อีดำอีแดงเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ สเตรปโตคอคคัสชนิดเอ (Streptococcus group A) ซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่นที่อยู่ในคอหอย ทำให้เกิดการติดเชื้อของคอหอยและต่อมทอนซิล มีลักษณะเป็นหนอง หรือจุดเลือดออกที่คอหอย หรือต่อมทอนซิล โดยเชื้อชนิดนี้สามารถสร้างสารพิษ (Toxin) ทำให้เกิดผื่นที่พบในไข้อีดำอีแดงได้ ลักษณะของโรคไข้อีดำอีแดงจะพบบ่อยในเด็กที่มีไข้ เจ็บคอ มีอาการร่วมที่สำคัญคือ ลิ้นบวมแดงคล้ายผลสตรอเบอร์รี่ (Strawberry tongue) และมีผื่นแดงขึ้นตามตัว ผื่นจะมีลักษณะเฉพาะคือ คล้ำและสากคล้ายกระดาษทราย (Sand paper like rash) เกิดขึ้นภายใน 1-2 วัน หลังจากเริ่มมีไข้ พบมากบริเวณลำตัวและแพร่กระจายไปตามแขนและขา มักไม่พบผื่นบริเวณใบหน้า แต่พบบริเวณแก้มแดง มีอาการซีดรอบปาก บริเวณข้อพับแขนทั้งสองข้างมีสีเข้มคล้ำกว่าปกติ ผื่นจะมีประมาณ 3 - 4 วัน หลังจากนั้นผื่นจะลอกเป็นขุย หรือแผ่นบริเวณผิวหนัง ตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ ลำตัว จนถึงปลายมือและเท้า กลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดโรคไข้อีดำอีแดง ได้แก่ เด็กช่วงวัยเรียนอายุ 5 - 15 ปี หรือคนที่สัมผัส หรืออยู่กับผู้ป่วยโรคไข้อีดำอีแดง มีประวัติว่ามีพี่ หรือน้องในครอบครัว หรือเพื่อนที่โรงเรียนมีอาการแบบเดียวกัน เป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายได้ง่ายผ่านทางน้ำมูก น้ำลายที่ไอจามออกไป และจะหยุดแพร่กระจายหลังได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมแล้ว 1 วัน

สนพ. ได้กำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมโรคภายในศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่คู่นมแม่ของโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง กำหนดมาตรการการรักษาและวินิจฉัยโรค จัดทำแนวทางการดำเนินงานควบคุมและรักษาโรค เพื่อป้องกันการระบาดของโรคดังกล่าวภายในศูนย์เด็กเล็กฯ ตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิเด็กทุกคนก่อนเข้ามาภายในศูนย์เด็กเล็กฯ หากพบจะแจ้งผู้ปกครองให้พาเด็กพบแพทย์ตรวจรักษาต่อไป หรือหากพบเด็กภายในศูนย์เด็กเล็กฯ มีอาการป่วยด้วยโรคติดต่อ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการทำความสะอาด ละฆ่าเชื้อโรคภายในบริเวณศูนย์เด็กเล็กฯ ทันที ทั้งนี้ หากผู้ปกครองกังวลบุตรหลานของตนมีอาการติดเชื้อสเตร็ปโตคอสคัสชนิดเอ ควรรีบปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลการติดต่อสัมผัสกับผู้ที่เพิ่งติดเชื้อชนิดนี้ให้แพทย์ทราบ หรือหากสงสัยในอาการเจ็บป่วยสามารถพบแพทย์ผ่านทาง Telemedicine แอปพลิเคชัน "หมอ กทม." เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอาการได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพได้ที่ สายด่วนสุขภาพ โทร 1646 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า สนอ. ได้ประสานให้ความรู้กับโรงเรียนในสังกัดเกี่ยวกับการป้องกันควบคุมโรคไข้อีดำอีแดง สร้างระบบคัดกรอง ควรให้เด็กป่วยหยุดเรียน หรือแยกตัวออกจากผู้อื่นจนกว่าได้ยาปฏิชีวนะไปแล้วอย่างน้อย 24 ชั่วโมงจึงจะไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น ดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย ให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองเฝ้าระวังและสังเกตอาการเจ็บป่วยของบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หากมีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์ เพื่อรับการรักษาให้รวดเร็ว ซึ่งจะติดตามแนวโน้มสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเตรียมสำรองยาให้เพียงพอและเตรียมพร้อมทีมสอบสวนโรคหากพบการระบาดในพื้นที่กรุงเทพฯ

นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวว่า สนศ. ได้ประสานความร่วมมือกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สนอ. และ สนพ. เกี่ยวกับมาตรการและแนวทางการเฝ้าระวังและดูแลนักเรียน วิธีการสังเกตอาการของโรค แนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และการปฏิบัติตนเมื่อพบความเสี่ยง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค พร้อมทั้งกำหนดแผนบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้การสื่อสารและประสานงานเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจากสถานพยาบาลในพื้นที่เขต ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณโรงเรียน รวมทั้งการสนับสนุนพื้นที่ของในโรงเรียนให้เป็นสถานที่เผยแพร่ความรู้สู่ชุมชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคไข้อีดำอีแดง

นอกจากนี้ ได้ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ โดยประสานสำนักงานเขตฯ ให้กำกับดูแลโรงเรียนในสังกัด ดำเนินการตามแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบุคมโรคระบาดตามฤดูกาลและโรคไข้อีดำอีแดง

เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การป้องกันโรคให้กับนักเรียน ครู ผู้ปกครอง ผ่านกิจกรรมเสียงตามสาย กิจกรรมหน้าเสาธง กิจกรรมโฮมรูม กิจกรรมการรณรงค์และความสัมพันธ์ชุมชน ป้ายนิเทศภายในโรงเรียน เฟซบุ๊ก แอปพลิเคชันไลน์ หรือสื่อสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ เน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัย เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค รวมถึงเฝ้าระวังตรวจสอบเด็กก่อนเข้าห้องเรียนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา กทม. หากพบนักเรียนที่มีอาการป่วยให้แยกเด็กอยู่ที่ห้องพยาบาล นำส่งตัวพบแพทย์และให้หยุดเรียน ส่วนมาตรการเชิงรุกให้โรงเรียนในสังกัดรายงานสถานการณ์เมื่อพบความเสี่ยง การติดเชื้อ และการระบาดของโรคผ่านช่องทางออนไลน์ในแบบสำรวจข้อมูล Google Form กำชับให้โรงเรียนเฝ้าระวังและสังเกตอาการของนักเรียนในโรงเรียนทุกคน และดำเนินการตามมาตรการทางการแพทย์และการสาธารณสุขตามที่ สธ. ได้แจ้งเตือน และเป็นไปตามแนวทางที่ได้แจ้งให้โรงเรียนในสังกัดปฏิบัติตามหนังสือกรุงเทพมหานคร ด่วนมาก ที่ กท 0808/ว 196 ลงวันที่ 17 ต.ค. 67 ซึ่งกำหนดมาตรการความปลอดภัย ให้สำนักงานเขตกำกับดูแลโรงเรียน และตรวจสอบความพร้อมของอาคารเรียน ห้องเรียน เครื่องเล่นเด็ก ด้านสภาพแวดล้อม ความสะอาด สุขาภิบาล วัสดุการเรียนการสอน และดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในสถานศึกษาเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit