TKC เผยทิศทางธุรกิจปี 2568 โตต่อเนื่อง วางแผนปั้นรายได้โตไม่น้อยกว่า 20% เดินหน้าลุยธุรกิจเมกะเทรนด์ ล่าสุดบอร์ด TKC มีมติอนุมัติทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนจากผู้ถือหุ้นเดิมของ AIT ไม่เกิน 10% ในราคา 5.20 บาท/หุ้น มูลค่ารวมไม่เกิน 798.94 ลบ. ดันถือหุ้นเพิ่มเป็น 34.90% จากปัจจุบันถือหุ้นอยู่ที่ 24.90% เสริมแกร่งธุรกิจ-รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนใน AIT มากขึ้น ปิดงบปี 67 มีกำไรอยู่ที่ 210 ลบ. รายได้รวม 2,448.89 ลบ. ด้านบอร์ดชงจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น ตอบแทนผู้ถือหุ้น กำหนด Record Date วันที่ 6 พ.ค. 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 20 พ.ค.2568 นี้
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ TKC เปิดเผยว่าแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 เชื่อว่ายังมีทิศทางการเติบโตที่ดี โดยแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 20% วางกลยุทธ์หลักในการสร้างรายได้และการเติบโตที่ยั่งยืนผ่าน 3 แกนธุรกิจหลัก ประกอบด้วย Core Business - New Business - JV และ M&A โดยธุรกิจหลัก ยังคงสร้างความแข็งแกร่งจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญงานวางระบบ ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจดิจิทัลโซลูชัน พร้อมทั้ง การขยายเข้าไปในธุรกิจใหม่ๆ และการหาพันธมิตรในรูปแบบ JV และ M&A เพื่อเร่งแผนการโตอย่างก้าวกระโดดได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโอกาสในงานภาครัฐและเอกชนที่ยังคงลงทุนในดิจิทัลทรานฟอร์เมชั่น รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนจากภาครัฐ
"ในปี 2568 Core Business, New Business, JV และ M&A จะเป็นกลไกในการหนุนทั้งรายได้และกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ในไตรมาส 4/2566 สัดส่วน 24.90% ได้มีการรับรู้กำไรตามสัดส่วนการลงทุนเข้ามาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากนโยบายของภาครัฐ จะสนับสนุนรายได้ให้กับ TKC ในปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 20%" นายสยาม กล่าว
โดยล่าสุดบอร์ด TKC มีมติอนุมัติการซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของบริษัท โดยการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วน (Voluntary Partial Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นเดิมของ AIT จำนวนไม่เกิน 153,641,557 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ AIT ในราคาหุ้นละ 5.20 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 798,936,096.40 บาท
ภายหลังจากการเข้าทำรายการ บริษัทจะถือหุ้นใน AIT รวมเป็นสัดสวนไม่เกิน 34.90% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ AIT จาก ณ วันที่คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ทำธุรกรรมการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของ AIT นี้ บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ AIT โดยก่อนหน้านี้บริษัทถือหุ้นสามัญคิดเป็นสัดส่วน 24.90% ของหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ AIT สำหรับระยะเวลาทำคำเสนอซื้อ ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.-26 มิ.ย.2568 และวันที่ชำระราคาหลักทรัพย์ที่เสนอซื้อจะเป็นวันที่ 30 มิ.ย.2568
ล่าสุดประกาศผลประกอบการบริษัทฯ ในงวดปี 2567 มีรายได้รวม 2,448.89 ล้านบาท ลดลง 36.99% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3,886.53 ล้านบาท เนื่องจากในปี 2567 บริษัทรับรู้รายได้จากงานโครงการขนาดใหญ่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2566 นอกจากนี้โครงการที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นงานโครงการขนาดกลางและงานบริการบำรุงรักษา มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 210 ล้านบาท ลดลง 11.02% จากปีก่อน ที่มีกำไร 236.04 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.07 มาอยู่ที่ร้อยละ 10.91 ในปี 2567 สาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งเป็นการลงทุนที่เกิดขึ้นในไตรมาส 4/2566
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 80,000,000 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 โดยบริษัทฯ จะจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น วันที่ 24 เมษายน 2568 เพื่อพิจารณามติดังกล่าว
ปัจจุบัน TKC มีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ราว 2,000 ล้านบาท คาดจะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 65% โดยตั้งเป้าความสามารถในการเข้าประมูลประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยจะเลือกเข้าร่วมประมูลโครงการที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และตั้งเป้าอย่างน้อยจะมีงานเข้ามาเติมพอร์ตประมาณ 30-40% ของการเข้าร่วมประมูล ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัทปัจจุบันมาจากลูกค้าเอกชน 40% และรัฐบาล 60%
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit