อึ้ง! เด็กไทยส่อมีโรคประจำตัวจากความดันโลหิตสูง 10%

25 Dec 2024

อึ้ง! เด็กไทยส่อมีโรคประจำตัวจากความดันโลหิตสูง 10% เหตุ กินขนมกรุบกรอบทุกวัน ซ้ำ ติดปรุงเค็มหนัก สสส.-สธ.-เครือข่ายลดเค็ม เร่งสร้างสังคมรอบรู้ด้านการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ ลดเสี่ยงโรค NCDs ชู แคมเปญ "ลดเค็ม ลดโรค" สื่อสารสุขภาวะกระตุ้นประชาชนปรับลดพฤติกรรมติดเค็มได้กว่า 85%

อึ้ง! เด็กไทยส่อมีโรคประจำตัวจากความดันโลหิตสูง 10%

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเปิดงาน ลดโซเดียม ลดเสี่ยง NCDs ว่า สถานการณ์การบริโภคอาหาร ความมั่นคงทางอาหาร และความรอบรู้ด้านอาหารของประชากรไทย ปี 2567 โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. พบเด็กวัยเรียนอายุ 6-14 ปี กินขนมกรุบกรอบรสเค็มมากที่สุด 84.1% กินเฉลี่ย 1.35 ซองต่อวัน รองลงมาเป็นกลุ่มเด็กเล็ก อายุ 1-5 ปี 76.5% กินเฉลี่ย 1.23 ซองต่อวัน ที่สำคัญยังพบคนไทยเติมเครื่องปรุงรสเค็มเพิ่มในอาหารประมาณ 30% เฉลี่ย 0.86 ช้อนชาต่อวัน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็กมีการเติมเครื่องปรุงรสเค็มปริมาณมากที่สุด เฉลี่ย 0.89 ช้อนชาต่อวัน ที่ผ่านมา สสส. ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายลดการบริโภคเค็ม รณรงค์ขับเคลื่อนสังคมด้วยองค์ความรู้ นวัตกรรม และนโยบายสาธารณะ เพื่อสร้างความรอบรู้ด้านการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ โดยเฉพาะลดการบริโภคเค็ม ผ่านแคมเปญ "ลดเค็ม ลดโรค" ผลประเมินพบว่า ประชาชนเกิดความตระหนักถึงผลกระทบจากการบริโภคเค็ม 92% และกระตุ้นการปรับพฤติกรรมลดการบริโภคเค็ม 85.1%

"ล่าสุด สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย พัฒนานวัตกรรมเครื่องตรวจวัดความเค็มในอาหาร (Salt Meter) เตรียมขยายผลนำไปใช้ปรับพฤติกรรมลดเค็มทั่วประเทศ พร้อมส่งเสริมการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะ นอกจากนี้ มุ่งเน้นรณรงค์ลดการบริโภคน้ำตาล และไขมันทรานส์ พร้อมสนับสนุนการบริโภคผัก ผลไม้ และอาหารปลอดภัย กำหนดมาตรฐานอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รวมถึงสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนากิจกรรมและโครงการที่เหมาะสม เช่น การพัฒนาศักยภาพแกนนำสุขภาพ การจัดตลาดเขียวในชุมชน และการพัฒนาโครงการเพื่อสุขภาพโดยชุมชนเป็นฐาน มุ่งลดความเสี่ยงการเกิดโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ในอนาคต" รองผู้จัดการกองทุน สสส.กล่าว

ด้าน นพ.กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การลดโรค NCDs เป็นภาระงานและความท้าทายสำคัญของระบบสาธารณสุข มีคนไทยเสียชีวิตจากโรค NCDs กว่า 400,000 คนต่อปี สูญเสียต้นทุนทางเศรษฐกิจกว่า 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี ในปี 2568 มีสโลแกน "กรมควบคุมโรคห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี" มุ่งสนับสนุนกลไกคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) นำนวัตกรรม Salt Meter ขยายผลสร้างความตระหนักและควบคุมปริมาณโซเดียมในการปรุงอาหารของครัวเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล และสถานที่ทำงานทั่วประเทศ เป็นแนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวังและลดการบริโภคเกลือและโซเดียมระดับจังหวัด รวมถึงกำหนดปริมาณเกลือและโซเดียมในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ผลักดันมาตรการภาษีโซเดียม มุ่งเป้าให้ประชาชนคนไทยมีสุขภาพดี ห่างไกลโรค NCDs ด้วยการลดการกินเค็ม ลดเกลือและโซเดียมเกินกำหนด สอดรับ 1 ใน 9 เป้าหมายลด NCDs ระดับโลก (9 global targets for noncommunicable diseases for 2025)

"ข้อมูลการบริโภคเกลือแกงในไทย พบคนไทยได้รับโซเดียมจากการกินอาหาร 4,351.69 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน สูงกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดอยู่ที่ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา ที่สำคัญยังพบว่า คนไทยป่วยด้วยโรคที่สัมพันธ์กับการบริโภคโซเดียม เช่น โรคความดันโลหิตสูง ไต หัวใจและหลอดเลือดสมองกว่า 22 ล้านคน ซึ่งคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ภายในปี 2568 ไทยควรจะต้องทำให้ประชาชนลดการบริโภคเกลือและโซเดียมลง 30% โดยจะต้องปรับเปลี่ยนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ลดเกลือและโซเดียม สร้างความรู้สร้างความตระหนักแก่ผู้บริโภค การปรับสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และผลักดันให้เป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายประชาชนมีสุขภาพดี" นพ.กฤษฎากล่าว

ด้าน รศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม กล่าวว่า ผู้บริโภคที่กินเค็มอยู่เป็นเวลานาน ๆ และผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ขาดความตระหนักถึงอันตรายของการบริโภคเค็ม มีความเคยชินเนื่องมาจากการรับรสเค็มของลิ้นน้อยกว่าคนปกติ ที่น่าห่วงคือ กลุ่มเด็กอายุ 10-19 ปี พบมีภาวะความดันโลหิตสูง 10% ซึ่งจะสูงต่อเนื่องเมื่อเข้าสู่ในวัยผู้ใหญ่ สาเหตุส่วนหนึ่งจากการบริโภคอาหารและขนมโซเดียมสูง นวัตกรรม Salt Meter เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการปรับการรับรสให้แต่ละคนสามารถปรับลิ้นให้คุ้นเคยรสชาติที่เปลี่ยนไปได้ มีประโยชน์ในการลดอัตราผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในชุมชนได้อย่างยั่งยืน ประกอบกับเพิ่มความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ นำไปสู่ความชอบการบริโภคอาหารเค็มน้อย "เค็มน้อยอร่อยได้"

ทั้งนี้ การปรับลดความเค็มในอาหารพร้อมบริโภค อาหารกึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวในร้านสะดวกซื้อ ควรมีกฎหมายควบคุมการตลาดสำหรับเด็ก ควบคุมปริมาณโซเดียมสูงสุด รวมถึงผลักดันภาษีโซเดียมเป็นมาตรการชักจูงให้อุตสาหกรรมอาหารปรับตัวออกสูตรลดโซเดียม นอกจากทำให้ไม่ต้องเสียภาษียังเกิดประโยชน์ทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีลดภาระค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลของประเทศ ติดตามข้อมูลได้ที่เฟซบุ๊ก "แฟนเพจ ลดเค็ม ลดโรค"