โครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ทันสมัยปลดล็อกให้ธุรกิจใช้ AI ได้เต็มประสิทธิภาพ

05 Feb 2025

เราทุกคนตระหนักว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกวงการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน IDC คาดว่าการใช้จ่ายด้าน AI ทั่วโลกจะสูงถึง 632 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2571 โดย generative AI (GenAI) เติบโตในอัตราที่น่าทึ่งถึง 59.2% ต่อปี อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่สูงขึ้นของ AI ทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่ต้องใช้รองรับความสามารถเหล่านั้นมีภาระหนัก และส่งผลต่อความรวดเร็วที่องค์กรจะใช้ประโยชน์จาก AI

โครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ทันสมัยปลดล็อกให้ธุรกิจใช้ AI ได้เต็มประสิทธิภาพ

การใช้ AI ในประเทศไทยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทิศทางเดียวกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ผลสำรวจความพร้อมในการประยุกต์ใช้AI สำหรับบริการดิจิทัล ปี 2024 โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พบว่าองค์กรไทยมากกว่าครึ่งขององค์กรที่ตอบแบบสำรวจตระหนักถึงความจำเป็นในการนำ AI มาใช้งานและสามารถระบุว่าจะนำมาใช้ในส่วนใด นอกจากนี้ยังพบว่ามีหน่วยงานที่นำ AI มาใช้แล้ว 17.8% สูงกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย; องค์กรส่วนใหญ่ 73.3% มีแผนที่จะนำมาใช้ในอนาคต โดยเป้าหมายสามอันดับแรกของการใช้ AI ขององค์กรไทย คือ เพื่อบริหารจัดการภายในองค์กร (69.6%) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (59.8%) และ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ (56.8%)

GenAI เป็นเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมาก แต่ GenAI ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล ต้องการพื้นที่สตอเรจขนาดใหญ่ และอัลกอริธึมที่มีความสามารถระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงาน ค่าใช้จ่าย ความยั่งยืน และประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก โครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมไม่เหมาะที่จะรองรับความต้องการเหล่านี้ ดังนั้นการจะทำกระบวนการใด ๆ จะต้องทำควบคู่กับการปรับโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนด้าน AI

การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งรวมถึงฮาร์ดแวร์ เช่น เซิร์ฟเวอร์ และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์เพื่อรองรับแอปพลิเคชัน AI ต่าง ๆ นั้น แม้จะมีจำนวนมาก แต่เติบโตช้ากว่าการนำ GenAI มาใช้ โครงสร้างพื้นฐาน AI จะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 14.7% จนถึงปี 2571 (จากการวิจัยของ IDC) สะท้อนถึงการลงทุนก่อนหน้านี้ของผู้ให้บริการคลาวด์เซอร์วิส ทั้งนี้ 24% ของการใช้จ่ายด้าน AI ทั้งหมด เป็นการใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ AI และ Infrastructure-as-a-Service (IaaS) ดังนั้นฮาร์ดแวร์ AI และ IaaS จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อความสามารถด้านต่าง ๆ ของ AI จะเห็นได้ว่าในขณะที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ GenAI มากขึ้น การใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตของ AI และการใช้แอปพลิเคชัน AI ในวงกว้าง

การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่แข็งแกร่ง ปรับขนาดได้ และปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบันสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้โซลูชันที่เป็น AI อย่างประสบความสำเร็จ แต่โครงสร้างพื้นฐาน AI นั้นมีลักษณะอย่างไร AI ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ และธุรกิจต่าง ๆ จะสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามความต้องการเหล่านั้นได้อย่างไร

ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ที่เป็นมาตรฐาน

โมเดล AI ประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้นความปลอดภัยของข้อมูลและการรักษากฎระเบียบตามมาตรฐานต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจต้องมั่นใจว่ามีอยู่ในทุกกระบวนการการใช้โซลูชัน AI โครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยที่รวมถึงการเข้ารหัส การควบคุมการเข้าถึงอย่างรัดกุม และปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการปกป้องข้อมูลระดับโลก (เช่น GDPR) เป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยปกป้องทั้งตัวโมเดลเองและข้อมูลที่โมเดลเหล่านั้นทำการประมวลผล

ดังนั้น การออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน AI ต้องไม่เพียงเพื่อประสิทธิภาพและการปรับขนาดได้เท่านั้น แต่ยังต้องมีความปลอดภัยด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่ควรมีและต้องยึดถือ เพราะความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชัน AI หรือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับแอปฯ เหล่านั้น อาจทำให้ข้อมูลถูกละเมิด ต้องเสียค่าปรับจากการไม่ปฏิบัติตามกฎ และสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า ซึ่งเมื่อลูกค้าหมดความไว้วางใจไปแล้ว การจะกลับมาเชื่อมั่นอีกเป็นไปได้ยากมาก

คลาวด์-เนทีฟ คือฐานรากที่รองรับการนำ AI มาใช้

ธุรกิจต้องนำโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์-เนทีฟ มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการ AI ที่เพิ่มมากขึ้น โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์-เนทีฟ ประกอบด้วยการประมวลผลที่ทรงพลัง เน็ตเวิร์กและสตอเรจที่มีประสิทธิภาพสูง คอนเทนเนอร์และระบบบริหารจัดการข้อมูล ทั้งยังมอบความยืดหยุ่นและการปรับขนาดที่จำเป็นต้องใช้เพื่อรองรับความต้องการด้านการประมวลผลและสตอเรจที่ AI ต้องใช้เพิ่มมากขึ้น

โครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมมีความยุ่งยากในการจัดการกระแสข้อมูลจำนวนมาก และไม่รองรับความต้องการประสิทธิภาพสูงในด้านต่าง ๆ ที่แอปพลิเคชัน AI สมัยใหม่ต้องการ คลาวด์-เนทีฟ ช่วยให้ธุรกิจปรับขนาดโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือกับความต้องการต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และทำให้มั่นใจได้ว่าองค์กรมีพลังการประมวลผลที่จำเป็นต้องใช้กับโมเดล GenAI และการใช้ AI ที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก

สภาพแวดล้อมคลาวด์-เนทีฟ ไม่เพียงรองรับการทำงานด้านการประมวลผลที่หนักหน่วงที่ AI ต้องการ แต่ยังมอบความคล่องตัวอย่างมากอีกด้วย ซึ่งช่วยให้ธุรกิจใช้ จัดการ และอัปเดทแอปพลิเคชัน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญคือแพลตฟอร์มคลาวด์-เนทีฟ ยังออกแบบมาเพื่อให้สามารถผสานรวมกับเวิร์กโฟลว์การพัฒนา AI ได้อย่างราบรื่น นั่นหมายความว่า ธุรกิจสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องติดอยู่กับข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน

โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการจัดการข้อมูลที่ปรับขนาดได้ เชื่อถือได้ และคุ้มค่าการลงทุน

เมื่อมีการใช้งาน AI เพิ่มขึ้น ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ปรับขนาดได้และคุ้มค่าการลงทุน เพื่อใช้บริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลจึงทวีความสำคัญมากขึ้นตามไปด้วย Infrastructure as a Service (IaaS) และ Platform as a Service (PaaS) ที่ปรับขนาดได้ สามารถรับรองได้ว่าผู้ใช้งานจะสามารถจัดเก็บข้อมูล ประมวลผล และเข้าใช้งานได้อย่างราบรื่น เป็นการช่วยให้เทรนโมเดลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ไปป์ไลน์ของข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ โซลูชันการจัดเก็บที่แข็งแกร่ง และระบบการดึงข้อมูลที่ทรงประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้เทรนโมเดล โครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ ยังมอบความสามารถในการปรับแต่งโมเดลอย่างละเอียดได้อย่างเจาะจงกับการใช้งาน เพิ่มคุณภาพและความเกี่ยวเนื่องกันให้กับแอปพลิเคชัน AI และช่วยให้การพัฒนาโมเดล AI ทำได้ง่ายขึ้น

โครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ทรงประสิทธิภาพ ไม่เพียงสนับสนุนให้เกิดประสิทธิผลเท่านั้น แต่ยังช่วยบริหารค่าใช้จ่ายอีกด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทรัพยากรการประมวลผลผ่านดิสทริบิ้วเต็ดซีสเต็มส์ คอนเทนเนอร์ และสถาปัตยกรรมไร้เซิร์ฟเวอร์ จะช่วยให้ธุรกิจหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายด้านทรัพยากร คลาวด์หรือฮาร์ดแวร์มากเกินไป การใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพนี้ สำคัญมากต่อการปรับขนาดแอปพลิเคชัน GenAI โดยไม่กระทบต่องบประมาณ

ประสิทธิภาพด้านพลังงาน และความยั่งยืน มีความสำคัญมากขึ้น

การใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามเวิร์กโหลด AI ที่เพิ่มขึ้น โมเดล AI โดยเฉพาะ GenAI ใช้พลังงานมาก ทำให้เกิดความกังวลด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการเติบโตของ AI ธุรกิจต่างตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น เพื่อรองรับการใช้ AI ขององค์กร โดยไม่เพิ่มการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดาต้าเซ็นเตอร์สีเขียว แหล่งพลังงานหมุนเวียน และฮาร์ดแวร์ประหยัดพลังงาน กำลังกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI

การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการลงทุนกับแนวทางด้านความยั่งยืน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ไปพร้อม ๆ กับบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ในขณะที่ทั่วโลกใช้ AI มากขึ้น การโฟกัสไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่ประหยัดพลังงานจะกลายเป็นความต่างที่สำคัญของธุรกิจที่ต้องการนำนวัตกรรมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร และความต้องการในการจัดการค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบมากขึ้น

AI ยังคงพัฒนาต่อเนื่อง ดังนั้นองค์กรธุรกิจไม่เพียงต้องจัดการความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีในปัจจุบัน แต่ยังต้องคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิทัศน์ของ AI ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งควรรวมถึงความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความต้องการด้านเทคนิค และความยั่งยืน การบรรจบกันของการตัดสินใจแบบเรียลไทม์ สภาพแวดล้อมการทำงานที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง (augmented working environments) และความต้องการด้านความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น สื่อความหมายให้เห็นว่าองค์กรธุรกิจจำเป็นต้องดำเนินกลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐานแบบเชิงรุก

ความเสี่ยงที่จะถูกทิ้งไว้ข้างหลังนั้นมีจริง แต่โอกาสในการเป็นผู้นำแถวหน้าในยุคการทรานส์ฟอร์มของ AI ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน คำถามไม่ได้อยู่ที่จะลงทุนปรับโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ให้ทันสมัยหรือไม่อีกต่อไป แต่อยู่ที่ว่าองค์กรจะรักษาและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันได้อย่างก้าวกระโดดได้ขนาดไหน

บทความโดยฌอน หยวน รองประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคแปซิฟิกใต้และญี่ปุ่น Alibaba Cloud Intelligence

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit