SABINA เผยผลงานปี 67 รายได้เติบโตต่อเนื่องทำสถิติใหม่ทะลุ 3.5 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 464.4 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าปันผลหุ้นละ 1.34 บาท

26 Feb 2025

SABINA ยังรักษาสถิติทำรายได้สูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง หลังเปิดเผยผลประกอบการปี 2567 ที่มีรายได้รวม 3,586.9 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 คิดเป็น 4% โดยมีกำไรสุทธิ 464.4 ล้านบาท เผยปีที่ผ่านมาชุดชั้นในในกลุ่ม "บราเลส" (BRALESS) ยังยืนหนึ่งในกลุ่มสินค้าขายดี ขณะที่กลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายให้สินค้า "เป็นมากกว่าชุดชั้นใน" ได้รับกระแสตอบรับดีเยี่ยม โดยเฉพาะการเดินหน้าคอลแลบกับแบรนด์ต่างๆ ตลอดทั้งปี ที่สร้างทั้งสีสันให้กับตลาด และสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ด้านบอร์ดบริษัทฯ มีมติอนุมัติเงินปันผล 100% ของกำไรสุทธิในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 20 พ.ค.2568 รวมจ่ายปันผลทั้งปีในอัตราหุ้นละ 1.34 บาท

SABINA เผยผลงานปี 67 รายได้เติบโตต่อเนื่องทำสถิติใหม่ทะลุ 3.5 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 464.4 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าปันผลหุ้นละ 1.34 บาท

นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "ซาบีน่า" เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 1 ปี (มกราคมถึงธันวาคม) ประจำปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,586.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.5 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 4% จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังคงเป็นการเติบโตต่อเนื่อง และเป็นรายได้ที่สูงสุดเป็นสถิติใหม่อีกครั้งจากที่เคยทำไว้ในปี 2566 ที่ระดับ 3,450.4 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 464.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.4% จากปี 2566 โดยอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปี 2567 อยู่ที่ 12.9%

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงวด 1 ปี ประจำปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 1.34 บาท คิดเป็น 100% ของกำไรสุทธิ โดยก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.69 บาท คงเหลือการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.65บาท กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568

"ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ท้าทายความสามารถในการรักษาการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทฯ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับ 2.5% ที่ส่งผลกับความเชื่อมั่นและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การทำตลาดของ SABINA ในปี 2567 ที่เราพยายามผลักดันให้ SABINA เป็นมากกว่าชุดชั้นใน กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรารักษาการเติบโตของรายได้ไว้ได้ท่ามกลางความไม่แน่นอน เนื่องจากสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า สร้างการซื้อใหม่ในกลุ่มสินค้าใหม่ ไปพร้อมๆ กับการซื้อซ้ำสินค้าชุดชั้นในโดยเฉพาะชุดชั้นในกลุ่ม "บราเลส" (BRALESS) ที่ยังเป็นสินค้าขายดีอันดับต้นๆ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว

ทั้งนี้ SABINA เริ่มต้นปี 2567 ด้วยการคอลแลบกับแบรนด์เสื้อผ้าไฮเอนด์สัญชาติไทย "เจนสุดา" (Janesuda) ส่งคอลเลคชั่นพิเศษ Janesuda x SABINA สู่ตลาด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ SABINA ร่วมมือกับแบรนด์ไทยในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทั้งชุดชั้นในและเสื้อผ้า หลังจากนั้น SABINA ยังสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวสินค้าในคอลเลคชั่น "From Marine to Fashion จากท้องทะเล… สู่แฟชั่นรักษ์โลก" ประกอบด้วย เสื้อชั้นใน กางเกงชั้นใน เสื้อ กางเกงขาสั้น และเสื้อกล้ามเสริมบรา ซึ่งเป็นการผลิตจากอวนที่ไม่ใช้แล้วที่ถูกทิ้งเป็นขยะจำนวนมหาศาล ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความยั่งยืน

ในช่วงครึ่งปีหลัง SABINA สร้างปรากฏการณ์ที่สั่นสะเทือนวงการอีกครั้งกับชุดชั้นในคอลเลคชั่นใหม่ "ซาบีน่า ฟอร์เอฟเวอร์ ยัง" (SABINA FOREVER YOUNG) ที่คว้าเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง "แอน ทองประสม" มารับหน้าที่พรีเซนเตอร์ ตอบโจทย์การขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่วัย 45 อัพ ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยที่มีจำนวนผู้บริโภควัยผู้ใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้น SABINA คอลแลบกับกางเกงยีนส์ยอดนิยม "MERGE" เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ "ลา-เซ-นิ-เม" (Lacenime) ที่ดึงความโดดเด่นจากดีเอ็นเอของทั้งสองแบรนด์ไทย มาสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้าทั้งชุดชั้นในและเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ภายนอก

"ปี 2567 ที่ผ่านมา ช่องทางขายที่เติบโตอย่างโดดเด่นยังคงเป็นช่องทางไม่มีหน้าร้าน (Non Store Retailing : NSR) ที่เติบโต 17.8% ขณะที่ช่องทางค้าปลีก (Retail) เติบโต 0.5% และช่องทางรับจ้างผลิต (OEM) เติบโตลดลง 21.6% อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 SABINA ตั้งเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ไว้ทุกช่องทางขาย โดยเราจะมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มพอร์ตสินค้าผ่านทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการบริโภคและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์" นางสาวดวงดาวกล่าว