บมจ. เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี หรือ CHAO ส่งสัญญาณธุรกิจครึ่งปีหลังจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก รับซีซั่นการขาย ตลาดต่างประเทศทรงดี เดินหน้าเจาะตลาดอเมริกา และล่าสุดจับมือพาร์ทเนอร์จีนบุกขายในห้างเหอหม่า และอยู่ระหว่างพูดคุยดิสทริบิวเตอร์รายใหม่ต่อเนื่อง ส่วนประเทศอื่นๆ ได้ลูกค้าเพิ่มเติมอีก 7-10 ประเทศ เตรียมส่งออกสินค้าเดือนกันยายนและตุลาคมปีนี้ ส่วนตลาดในประเทศเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่กลุ่มผลิตภัณฑ์ข้าวตังและหมูแท่ง อีกราว 15 SKUs ปูพรมขยายช่องทางการจำหน่าย หลังปรับโมเดลตลาด Traditional Trade ยอดขายกลับมาคึกคัก และความสำเร็จจากแคมเปญการตลาด หนุนกระแสตอบรับหมูแท่งสายมูฟีเวอร์ มั่นใจปีนี้รายได้เข้าเป้าเติบโต 15% จากปีก่อน
นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และแบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome)” เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง ของปี 2567 คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการขยายตัวของตลาดทั้งในและต่างประเทศ การเพิ่มช่องทางการจำหน่าย และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ สร้าง Innovation ให้สินค้า ตอกย้ำ “เจ้าสัว” เจ้าตลาดขนมขบเคี้ยวไทยในกลุ่ม Better for you Snack ตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 15% จากปีก่อน
สำหรับตลาดต่างประเทศ ปีนี้จะโฟกัสตลาดในประเทศจีนมากขึ้น เดินหน้าขยายห้างค้าปลีก จากปัจจุบันบริษัทฯ จัดจำหน่ายที่ห้าง Sam’s Club ได้รับการตอบรับที่ดี ล่าสุดมีการส่งสินค้าใหม่ข้าวตังปลาหยองไปจัดจำหน่าย และเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังห้างใหม่ที่ เหอหม่า (Hema) Supermarket ชื่อดังของ Alibaba มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 360 สาขา ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามาเรียบร้อยแล้ว และมีการขายออนไลน์ควบคู่ คาดส่งออกในเดือนกันยายนปีนี้ และอยู่ระหว่างพูดคุยกับดิสทริบิวเตอร์ที่ประเทศจีนเพิ่มเติม
สำหรับตลาดอเมริกา เป็นอีกตลาดที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพูดคุยกับพาร์ทเนอร์เพื่อเตรียมแผนทำตลาดในช่วงสิ้นปี เน้นโฟกัสกลุ่มสินค้าที่มีโอกาสเติบโต เพื่อขยายไปในตลาด Asia Supermarket และตลาด Mainstream มากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดอื่นๆ ที่บริษัทได้ขยายไปยังประเทศใหม่ๆ อีก 7- 10 ประเทศ อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย ดูไบ ฟิลิปปินส์ คำสั่งซื้อแรกส่งออกไปเรียบร้อยแล้ว และเริ่มมีคำสั่งซื้อใหม่เข้ามาต่อเนื่อง อีกทั้ง เตรียมขยายไปที่ ซาอุดิอาระเบีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม แคนาดา และไต้หวัน เตรียมส่งออกสินค้าในเดือนกันยายน และตุลาคมปีนี้
ส่วนตลาดในประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นเพิ่มสินค้าใหม่ๆ อีกประมาณ 15 SKUs เตรียมวางจำหน่ายสินค้าตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป พร้อมด้วยการทำกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขาย ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวแคมเปญหมูแท่งกรอบต่อเนื่อง รุกตลาดเอาใจสายมูด้วยกลยุทธ์แบบ "มูเก็ตติ้ง" ที่สามย่านมิตรทาวน์ ซึ่งมีกระแสการตอบรับค่อนข้างดี
สำหรับช่องทางการจำหน่ายผ่าน Modern Trade และออนไลน์ ในประเทศไทยยังเติบโตได้ดี ด้านตลาดร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม หรือ Traditional Trade เรามีการปรับเปลี่ยนโมเดลดิสทริบิวเตอร์ ซึ่งเริ่มดำเนินการในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา วันนี้เริ่มเห็นยอดขายมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ คาดจะเป็นไฮไลท์เข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ข้าวตังรุ่นเพิ่มปริมาณ เข้ามาช่วยสนับสนุนตลาด Traditional Trade ให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2567 (เมษายน - มิถุนายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 342.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และมีกำไรสุทธิ 33.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยหลักมาจากการเติบโตของยอดขายในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นตลาดในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการเปิดตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ในประเทศเกาหลีใต้ แม้ในเดือนมิถุนายน มีการขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างประเทศที่ล่าช้าในเดือนมิถุนายน ทำให้ไตรมาส 2/2567 มีการเสียโอกาสในการรับรู้ยอดขายที่ 32 ล้านบาท และคิดเป็นกำไรที่ประมาณ 12 ล้านบาท เข้ามารับรู้ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมแทน
ขณะที่ ผลการดำเนินงานงวดครึ่งแรกปี 2567 (มกราคม - มิถุนายน) มีรายได้จากการขายรวม 679.2 ล้านบาท เติบโต 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 59.8 ล้านบาท เติบโต 1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากยอดขายที่เติบโต และการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit