ยาจิตเวชต้องกินต่อเนื่อง วุ่นจนลืมไปทำอย่างไรดี?

26 Jun 2024

เพราะการกินยาเป็นเรื่องที่ไม่น่าจดจำ ยิ่งในวันที่ชีวิตมีความวุ่นวาย มีเรื่องมากมายหลายอย่างให้ต้องคิดและต้องทำ มีโอกาสที่หลายคนจะเกิดการหลงลืมทำให้ไม่ได้กินยาตามเวลา ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพการรักษาถูกลดทอนลง ดังนั้น ผู้ป่วยจึงไม่ควรที่จะลืมกินยาบ่อย ๆ  โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคความดัน หรือ โรคเบาหวาน เป็นต้น ควรต้องกินต่อเนื่องทุกวันและกินให้ตรงเวลา   

ยาจิตเวชต้องกินต่อเนื่อง วุ่นจนลืมไปทำอย่างไรดี?

ยิ่งถ้าเป็นผู้ป่วยโรคจิตเวช ยิ่งต้องย้ำว่าในการรักษาจิตเวช ห้ามหยุดยาหรือลดขนาดยาเองเด็ดขาด แม้อาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เนื่องจากจะทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร โอกาสหายขาดค่อนข้างต่ำ อีกทั้งบางครั้งอาการอาจจะกลับมากำเริบและรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เพราะการกินยาต่อเนื่อง ถือเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมอาการไม่ให้กำเริบ ควบคุมการทำงานของสารสื่อประสาทในสมองให้เป็นไปอย่างสมดุล ช่วยทำให้ผู้ป่วยมีอาการเป็นปกติสามารถใช้ชีวิตและทำงานได้

แม้การลืมกินยาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นจนเป็นปกติ ซึ่งอาจจะใช้เคล็ดลับง่าย ๆ ในการป้องกันการลืมกินยา เช่น ตั้งเวลาเตือนเอาไว้และพกยาติดตัวเอาไว้ทุกที่ หรือเก็บยาเอาไว้ในที่ที่มองหาง่ายและหยิบง่าย เป็นต้น แต่ถ้าสุดวิสัยเผลอลืมไปจริง ๆ เมื่อรู้ตัวว่าลืมก็ควรรีบกินยาทันทีที่นึกขึ้นได้ ยกเว้นนึกได้เมื่อใกล้เวลาของมื้อถัดไป เกินครึ่งระยะเวลาระหว่างมื้อ ก็ให้งดยามื้อที่ลืมไปเลย และกินยามื้อถัดไป  โดยที่ห้ามกินควบ 2 โดสในมื้อเดียวกันอย่างเด็ดขาด เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงได้

ยกตัวอย่างเช่น ยาที่ต้องกินวันละครั้ง หากลืมกินยาแล้วนึกได้ภายในไม่เกิน 12 ชั่วโมง สามารถกินมื้อที่ลืมได้เลย เพราะยาส่วนใหญ่ไม่ต้องกินพร้อมอาหารก็ได้ แต่หากกลัวจะเกิดอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาจกินอะไรรองท้องไปก่อน แต่หากลืมกินยาเกิน 12 ชั่วโมง ก็ให้งดยามื้อที่ลืม แล้วกินมื้อถัดไปได้เลย

การกินยาจิตเวชต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ หลายคนอาจมีความกังวลใจ และกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยบางคนกลัวจนหยุดกินยาไปเอง หรือบางคนก็กินบ้างไม่กินบ้าง วันนี้เลยอยากชวนทำความเข้าใจ คลายข้อสงสัยใน 2 เรื่องหลัก ๆ 

๐ กลัวติดยา

ไม่ต้องกังวล! ผู้ป่วยจิตเวชที่กินยารักษาอาการป่วยไม่มีโอกาสติดยาแน่นอน เพราะมีเพียงยาจิตเวชบางชนิดเท่านั้นที่อาจเกิดอาการพึ่งพิงยาได้ ยาจิตเวชส่วนใหญ่จึงสามารถกินได้เป็นระยะเวลานาน ภายใต้การดูแลของแพทย์ ซึ่งยาจิตเวชมีทั้งชนิดเม็ด ชนิดน้ำ ชนิดฉีดที่มีฤทธิ์สั้น และชนิดฉีดที่มีฤทธิ์นาน สามารถควบคุมอาการได้เป็นเดือน โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการเลือกใช้ยาให้เหมาะกับอาการของผู้ป่วย

๐ กลัวผลข้างเคียง

หากกินยาจิตเวชแล้ว มีผลข้างเคียงเกิดขึ้น ไม่ต้องตกใจ โดยอาการที่เจอได้ค่อนข้างบ่อย เช่น ง่วง ซึม คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ นอกจากนี้ ยาบางตัวอาจมีเรื่องที่ต้องระวังการกินร่วมกับอาหาร โดยส่วนใหญ่อาการข้างเคียงจะมีแค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น หลังจากร่างกายเราปรับได้แล้ว อาการข้างเคียงเหล่านี้ก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้ปรึกษาจิตแพทย์

ผู้ป่วยโรคจิตเวชไม่ได้น่ากลัวอย่างที่บางคนเข้าใจ หากครอบครัวไหนมีสมาชิกป่วยเป็นโรคทางจิตเวช สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งยาจะช่วยทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ และลดภาระการดูแลของญาติ โดยในการรักษาจะต้องกินยาต่อเนื่อง อย่าคิดไปเองว่าหายแล้ว เพราะอาการที่ดีขึ้นอาจไม่ได้แปลว่าหายขาด ต้องพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด ยิ่งผู้ป่วยที่เป็นครั้งแรกหากไม่มีปัญหาเรื่องอาการกำเริบ จะมีโอกาสหายสูงและไม่เรื้อรัง ไม่ต้องพึ่งยาตลอดชีวิต

เภสัชกร โรงพยาบาล BMHH

Bangkok Mental Health Hospital

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit