บมจ.เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ ชูสโลแกน "GFC ใส่ใจในความสำเร็จ" เพื่อเติมเต็มคำว่า "ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ" เดินหน้าตอกย้ำหนึ่งในผู้ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีบุตรยาก แบบครบวงจร ระดับชั้นนำของประเทศ จ่อรับอานิสงส์บวกหลังปลดล็อก "สมรสเท่าเทียม - กฎหมาย อุ้มบุญ" ประกาศเตรียมเทคโนโลยีช่วยในการมีบุตรและอุ้มบุญ สานฝันคู่รัก LGBTQIAN+ ที่อยากมีบุตรทั้งคนไทยและต่างชาติ
จากกรณีที่พรบ.สมรสเท่าเทียมผ่านสภา ส่งผลให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องเร่งเดินหน้าแก้ไขพรบ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 หรือ"กฎหมายอุ้มบุญ"เพื่อให้คู่สมรส LGBTQIAN+ สามารถใช้เทคโนโลยีช่วยในการมีบุตรและอุ้มบุญได้ เพื่อให้สอดคล้องกฎหมายสมรสเท่าเทียม โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกองกฎหมาย สบส. ซึ่งจะมีการนัดหมายในปลายเดือน มิ.ย.นี้ จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการอุ้มบุญในเดือนหน้า (ก.ค.) และคาดว่าจะสามารถคลอด "พ.ร.บ. อุ้มบุญ" ภายในปีนี้
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) พบว่า มีอัตราความสำเร็จในการใช้เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก ปี 2566 ประมาณ 2.5% เพิ่มขึ้นจาก 46% เป็น 48% และยังคงจะเพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย ดังนั้นการมีกฎหมายเฉพาะในการควบคุมกำกับการใช้ เทคโนโลยีฯ จะช่วยยกระดับการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์
ต่อประเด็นดังกล่าว นายกรพัส อัจฉริยมานีกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเนซีส เฟอร์ทิลีตี เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) "GFC" ผู้ให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากแบบครบวงจร เปิดเผยว่า หลังจากที่ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมได้ปลดล็อกถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดี ในการลดช่องว่างความไม่เสมอภาคทางเพศของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIAN+) ในประเทศไทยได้มากขึ้น ดังนั้นหากพรบ.ดังกล่าวมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เปิดโอกาสให้คู่รัก LGBTQIAN+ สมรสกันได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งจะรวมถึงการเปิดโอกาสให้คู่สมรสดังกล่าว สามารถใช้เทคโนโลยีช่วยในการมีบุตรและอุ้มบุญได้ตามกฎหมายอุ้มบุญใหม่ ทั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อ GFC และภาคอุตสาหกรรมการให้บริการทางการแพทย์สำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากอย่างมีนัยสำคัญ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit