คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม ร่วมกับ วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์(DPU)และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จัดกิจกรรมเสวนาในโครงการ "Start Street Food สู่ธุรกิจ 200 ล้าน" โดยได้รับเกียรติจากอาจารย์วสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม DPU เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ภายในงานมีการจัดเสวนาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจการเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่ยังเรียนไม่จบให้แก่นักศึกษา โดยมีนายเทียบจิตต์ จันทรภูติผลากร ผู้เชี่ยวชาญศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs(บสย. FA. Center) และ นายชวพจน์ ชูหิรัญ (เฮียนพ หมูนุ่ม) เจ้าของธุรกิจหมูปิ้ง Street Food ร่วมเป็นวิทยากร นอกจากนี้มีการออกร้านจากหน่วยงานต่างๆ และจากนักศึกษาหลายคณะ มีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การสาธิตการย่างหมูปิ้ง ดนตรีโฟล์คซอง และลุ้นไข่ลุ้นโชค ณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
อาจารย์วสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้ จัดขึ้นเพื่อเพิ่มทักษะและปลูกฝังแนวคิดการเป็นผู้ประกอบการให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจาก บสย. มาให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทสำคัญในการสนับสนุน SMEs และเชิญผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบความสำเร็จ มาให้ความรู้และแบ่งปันแนวทางการสร้างธุรกิจขนาดเล็กให้เติบโตจนเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างประสบการณ์นักศึกษา ด้วยการจัดพื้นที่ให้นักศึกษาได้ทดลองประกอบธุรกิจจริง ภายในงานยังได้เชิญนักศึกษาจากวิทยาลัย CIBA และสายงานกิจการนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเข้าร่วมงานเสวนา
"ในยุคปัจจุบัน การทำธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยช่องทางและแพลตฟอร์มต่างๆ เอื้อให้ทุกคนสามารถสร้างธุรกิจของตนเองได้ง่ายขึ้น ทางคณะฯ จึงส่งเสริมให้นักศึกษาเข้าใจหลักการดำเนินธุรกิจและรู้จักเครื่องมือสนับสนุนทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น บสย. ซึ่งให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจขนาดย่อมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นธุรกิจอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงและผลกระทบต่อธุรกิจ เราเชื่อว่าหากนักศึกษาเข้าใจการดำเนินธุรกิจและรู้จักแหล่งเงินทุนที่เข้าถึงได้ จะสามารถนำความรู้ไปต่อยอดธุรกิจของตนเองได้ในอนาคต"อาจารย์วสุกานต์ กล่าว
นายเทียบจิตต์ จันทรภูติผลากร ผู้เชี่ยวชาญศูนย์ที่ปรึกษาทางการเงิน SMEs (บสย. FA. Center) กล่าวว่า บสย.เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มีพันธกิจสำคัญในการสนับสนุน SMEs ของประเทศไทย โดยมีบทบาทหลักในการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ปัจจุบัน บสย. ได้รับการจัดสรรวงเงินจำนวน 50,000 ล้านบาทจากรัฐบาล เพื่อดำเนินโครงการ IGNITE THAILAND เป็นการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้ประกอบการใน 8 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ การท่องเที่ยว การแพทย์และสุขภาพ อุตสาหกรรมอาหาร การบิน การขนส่งระดับภูมิภาค อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต เศรษฐกิจดิจิทัล และภาคการเงิน โครงการนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
"สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ โดยเฉพาะนักศึกษาที่มีความสนใจในการเริ่มต้นธุรกิจ บสย. มีข้อแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการทดลองทำแผนธุรกิจที่รอบคอบและดำเนินกิจการขนาดเล็กก่อน เพื่อพิสูจน์ศักยภาพและความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ก่อนที่จะพิจารณาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้เทคนิคการขอสินเชื่อให้ผ่าน สำหรับกิจการที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล จำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการจัดทำงบการเงินที่มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงการแสดงให้เห็นถึงสภาพการดำเนินธุรกิจที่แท้จริงและมีศักยภาพในการเติบโต ส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ควรให้ความสำคัญด้านการจัดทำบัญชีและเอกสารทางการเงินอย่างเป็นระบบ จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้และชำระหนี้อย่างสม่ำเสมอ"
นายชวพจน์ ชูหิรัญ (เฮียนพ หมูนุ่ม) เจ้าของธุรกิจหมูปิ้ง Street Food กล่าวว่า ได้เริ่มทำธุรกิจขายหมูปิ้งหลังตกงานช่วงฟองสบู่แตกในปี 2540 และเริ่มขายดีในช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ขณะนั้นไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจ ทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง จึงเริ่มไปขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทำให้คำนวณต้นทุนการผลิตเป็น ทำให้จัดการกับวัตถุดิบได้ดีขึ้น ขณะนั้นเน้นขายให้ลูกค้าทั่วไป และเริ่มมีตัวแทนจำหน่าย ต่อมาธุรกิจเริ่มเติบโตและมีชื่อเสียงในปี 2558-2559 มีห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งติดต่อให้นำสินค้าไปลงขาย แต่ต้องสร้างมาตรฐานของสินค้าให้ได้ก่อน จึงมีการปรับโครงสร้างโรงงานการผลิต เพื่อเตรียมความพร้อมในการสต๊อกสินค้าล็อตใหญ่ ช่วงนั้นเริ่มประสบปัญหาด้านการเงิน จึงขอสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(SME Bank) โดยผ่านการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. ทำให้ได้เงินทุนก้อนแรกจากธนาคารเพื่อนำมาหมุนเวียนในธุรกิจ ส่งผลให้สามารถขยายธุรกิจเข้าสู่โมเดิร์นเทรดและปิดยอดขายได้หลักร้อยล้านต่อปีในช่วงนั้น
"สิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ส่วนใหญ่ไม่ไปรอด คือ การลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ การไม่มีความรู้ด้านการบริหารจัดการต้นทุนและผลกำไร การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ และไม่มีการพัฒนาตนเองให้ทันเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ดังนั้น จึงอยากแนะนำน้องๆที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจ อยากให้เน้นการสร้างยอดขายในช่วงแรก เพราะจะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญในการพัฒนาธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และรักษามาตรฐานของผลิตภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าความสำเร็จอาจต้องใช้เวลา แต่การเตรียมความพร้อมและสั่งสมประสบการณ์ จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในอนาคต อย่างไรก็ตามต้นทุนทางความคิด เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจในช่วงแรก การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและการวางแผนอย่างรอบคอบจะเป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จ"เฮียนพ กล่าว
HTML::image(