บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย เดินหน้านำเสนอทางเลือกใหม่ให้คนไทยด้วยยนตรกรรมในทุกรูปแบบการขับเคลื่อน พร้อมสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ในตลาด B-Segment กับการเปิดตัว ALL NEW MG3 HYBRID+ รถยนต์ไฮบริดเทคโนโลยีใหม่จาก เอ็มจี ซึ่งเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นที่ 2 ที่เตรียมส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่จากไลน์การผลิตในประเทศไทย เจาะกลุ่มลูกค้ายุคใหม่ ชูจุดเด่นรถยนต์พลังงานทางเลือกที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ด้วยโกลบอลดีไซน์ที่ดูปราดเปรียว มาพร้อมขุมพลังไฮบริด HYBRID+ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างลงตัว หนึ่งเดียวในคลาสกับห้องโดยสารกว้างสุด ประหยัดกว่าด้วยน้ำมันหนึ่งถังวิ่งได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร พร้อมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยที่ครบครัน การันตีความเชื่อมั่นด้วยผลการทดสอบโดยทีมวิศวกรชั้นนำระดับโลก โดย เอ็มจี เตรียมพร้อมประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคมนี้
ALL NEW MG3 HYBRID+ ยนตรกรรมที่จะเข้ามายกระดับมาตรฐานการเป็น "รถยนต์ไฮบริด"
ALL NEW MG3 HYBRID+ รถแฮทช์แบ็กไฮบริด 5 ประตู ยนตรกรรมที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ล่าสุดจาก เอ็มจี ด้วย 8 โหมดการขับเคลื่อนของระบบ HYBRID+ ที่รวมทุกระบบไฮบริดไว้ในคันเดียวได้อย่างสมบูรณ์แบบและตอบสนองต่อทุกการใช้งานรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งระบบขับเคลื่อนแบบอนุกรม (Series Hybrid) ระบบขับเคลื่อนแบบผสานเครื่องยนต์และมอเตอร์ (Parallel Hybrid) หรือแม้แต่การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน (Pure EV) ทำให้การขับขี่ในทุกช่วงความเร็วเป็นไปอย่างราบรื่นและลงตัว พร้อมคงจุดเด่น ของการเป็น "รถแฮทช์แบ็กไฮบริดที่ประหยัดกว่า ขับสนุกกว่า และเร้าใจกว่า" ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่าด้วยสัมผัสเฉกเช่นรถไฟฟ้าแต่ไปได้เร็วกว่าโดยไม่ต้องรอชาร์จไฟ จากขุมพลังไฮบริดใหม่ ที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (75 กิโลวัตต์) รองรับน้ำมัน E20 ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 8 วินาที ขับเคลื่อนด้วยระบบส่งกำลัง Hybrid Transmission ด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT ให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสม ลดเสียงรบกวน และประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น มาพร้อมกับแบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่มีความจุมากถึง 1.83 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง และถือเป็นรถยนต์ไฮบริดที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดโดยน้ำมันหนึ่งถังสามารถไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังสามารถปรับโหมดควบคุมการขับขี่ได้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมด Eco โหมด Standard และโหมด Sport ทั้งยังมีระบบ KERS เหมือนในรถไฟฟ้าที่สามารถปรับการใช้งานได้ 3 ระดับ และให้ผู้ขับขี่มั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งครอบคลุมระบบความปลอดภัย ADAS เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 8 ระบบ พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System) ไว้ได้อย่างครบถ้วน พร้อมยกระดับการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วยกล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition
ในส่วนของการออกแบบ ยังคงสไตล์ความคล่องตัวปราดเปรียวในแบบฉบับของรถแฮทช์แบ็ก โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ ถือเป็นรถที่มีความกว้างมากที่สุดในคลาส ด้วยขนาดความกว้างกว่า 1,797 มิลลิเมตร ดีไซน์ไฟหน้า LED แบบใหม่ Hunter Eye Headlamp ดวงตานักล่า ที่ดูคมชัด และโฉบเฉี่ยว พร้อมกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว เส้นสายการออกแบบ รอบตัวถังเน้นความโค้งมน ภายในห้องโดยสารสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ Modular Concept ที่ให้ความสำคัญกับ วัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมการออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ เน้นความสะดวกในการใช้สอย สำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร ทั้งเพิ่มอรรถประโยชน์ในการใช้งาน โดยเฉพาะการออกแบบห้องโดยสารที่โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่เหนือศีรษะ (Head room) และพื้นที่วางขา (Leg room) โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ มีห้องสัมภาระท้ายจุได้มากถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร อำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่และการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว รวมถึงระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และกุญแจรีโมทอัจฉริยะแบบ Smart Key
บทสรุปของนิยามบทใหม่ ภายใต้การรังสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพของ ALL NEW MG3 HYBRID+
ALL NEW MG3 HYBRID+ ถือเป็นโกลบอลโมเดลที่สะท้อนความมุ่งมั่นของ เอ็มจี ด้วยการเป็นยนตรกรรมที่คิดค้น พัฒนา และทดสอบโดยทีมวิศวกรระดับโลก และมีการปรับจูนทุกระบบเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานจริงบนท้องถนนทั่วโลก และพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์ไฮบริดครั้งใหม่ที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์โลกและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่อีกขั้น โดยมีสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ALL NEW MG3 HYBRID+ เป็นรถยนต์ไฮบริดที่พิสูจน์ให้เห็นถึงการเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมในประเทศต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค และถือเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นล่าสุดของ เอ็มจี ที่ได้นำเทคโนโลยีอย่าง ระบบ HYBRID+ สู่การรังสรรค์รถยนต์พลังงานทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้งานรถของลูกค้า ทั้งยังเป็นยนตรกรรมที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ เอ็มจี ในการเดินหน้าสู่เป้าหมายสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สีเขียว (Green Mobility) ให้กับตลาดยานยนต์โลก โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ ถูกวางให้เป็นหนึ่งในโมเดลยุทธศาสตร์ (Strategic Model) ประจำปีนี้ของ เอ็มจี ในการบุกและปลุกตลาด B-Segment ในเมืองไทยกับการเป็นยนตรกรรมที่จะเจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาความสมดุลระหว่างความประหยัดและสมรรถนะที่ทรงประสิทธิภาพ ด้วยราคาที่เข้าถึงและเป็นเจ้าของได้ง่าย ซึ่ง เอ็มจี มีแผนเปิดราคาจัดจำหน่ายของ ALL NEW MG3 HYBRID+ อย่างเป็นทางการภายในเดือนสิงหาคมนี้"
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่
Website: www.mgcars.com
Line: @MGThailand
Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand
Twitter: @mg_thailand
Instagram: @mgthailand
Youtube: MG Thailand
TikTok: @mgthailand
Application: MG Thailand
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit