เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ผนึกกำลังพันธมิตรปรับตัวรับเทรนด์ที่อยู่อาศัยยั่งยืนทั้งซัพพลายเชน ตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42% ภายในปี 2573

09 Oct 2024

เฟรเซอร์พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทุกมิติ ทั้งการออกแบบที่เน้นความเป็นธรรมชาติ การใช้วัสดุลดคาร์บอน การใช้พลังงานหมุนเวียน และการดูแลสังคมเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมกันทั้งซัพพลายเชน พร้อมเดินหน้าตามเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42% ภายในปี 2573

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ผนึกกำลังพันธมิตรปรับตัวรับเทรนด์ที่อยู่อาศัยยั่งยืนทั้งซัพพลายเชน ตั้งเป้าลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 42% ภายในปี 2573

บริษัท เฟรเซอร์พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย (จำกัด) มหาชน นำโดยนายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย ร่วมเสวนาในหัวข้อ Adapting the residential business to meet the needs of consumers with sustainable way ในงาน Sustainability Expo 2024 (SX2024) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เปิดเผยถึงความมุ่งมั่นในการสร้างที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเจนวายซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ที่ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การเลือกใช้สินค้าตลอดจนการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ โครงการที่อยู่อาศัยของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จึงมาพร้อมกับนวัตกรรมที่หลากหลายโดยทำงานร่วมกับพันธมิตรตลอดซัพพลายเชน เพื่อสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่ยั่งยืนตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการใช้งานจริง โดยใช้ความใส่ใจคนเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานทุกขั้นตอน

การออกแบบที่เข้าใจโลกและคนอยู่อาศัย: ผสมผสานการออกแบบ Passive design และ Active design เข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้อาศัยมากที่สุด ดึงจุดเด่นของธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์ ให้มีช่องแสงและช่องอากาศที่สามารถถ่ายเทอากาศภายในบ้านและนอกบ้าน ติดตั้งระบบ Frasers clean and cool air เพื่อช่วยกรองและแลกเปลี่ยนอากาศเสียและนำอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ตัวบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ที่ PM 2.5

การก่อสร้างที่คำนึงถึงคนสร้างและสิ่งแวดล้อม: ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของแรงงานเป็นด้วยการจัดเตรียมที่พักอาศัยที่สะอาดและปลอดภัย สนับสนุนการเข้าถึงระบบสาธารณสุข และจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้แรงงานทุกคนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข รวมไปถึงการจัดการขยะและวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้างโดยนำไปรีไซเคิลและกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ส่งมอบบ้าน และประสบการณ์ที่ดีกว่าด้วยฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่: นำเทรนด์ปัจจุบันมาปรับใช้กับการนำเสนอฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กรีนของลูกค้ายุคใหม่ เช่น จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Charger, แผงโซลาร์เซลล์ที่ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าและเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ยังผลักดันการคัดแยกขยะให้ลูกบ้านทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อลดการปนเปื้อนของของเสียตั้งแต่ต้นทาง

บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการลดผลกระทบเชิงลบ เพิ่มผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมเสมอมา โดยล่าสุดได้รับการรับรองจาก Science Based Targets initiative หรือ SBTi ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระยะสั้น ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขต 3 ลง 42% ภายในปี 2573 โดยทำการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปีฐาน 2564 เร่งติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในโครงการต่างๆ และผลักดันการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green material) ในทุกโครงการ

นายภวรัญชน์ อุดมศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงแนวทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนตลอดทั้งซัพพลายเชนของบริษัทฯ โดยมี 5 ส่วนสำคัญ ดังนี้

  1. ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน: ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในโครงการบ้านซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามขอบเขต 3 โดยปัจจุบันติดตั้งแล้วเสร็จกว่า 79% ของเป้าหมาย หรือกว่า 234 หลัง เทียบเท่าการลดก๊าซเรือนกระจกลงกว่า 14,094 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้กว่า 1.4 ล้านต้น เร่งติดตั้งครบ 300 หลังภายในปี 2567 นี้
  2. ผลักดัน Green Material: เลือกใช้วัสดุลดคาร์บอนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ไฮโดรลิกซีเมนต์ และสีคาร์บอนต่ำ โดยปัจจุบันบริษัทฯ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการร่วมพัฒนา และเลือกใช้วัสดุลดคาร์บอนในกลุ่มนี้ได้แล้วกว่า 1,005 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นต้นไม้กว่า 100,500 ต้น ในส่วนของกลุ่มที่ต้องผลักดันให้เกิดการคำนวนคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่อไปประกอบด้วย อิฐมวลเบา ผนังพรีคาสท์ และกลุ่มหลังคา ซึ่งอยู่ระหว่างร่วมพัฒนากับพันธมิตร
  3. ออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน: ที่คิดมาให้แล้วทุกมิติในการใช้ชีวิตของลูกค้า ทั้งการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพิ่มฉนวนป้องกันความร้อนใต้หลังคา เพิ่มสัดส่วนช่องลม และช่องแสง เลือกใช้วัสดุผนังนำความร้อนต่ำ ระบบไฟส่องสว่าง LED ได้รับรางวัลการันตีมาตรฐานบ้านประหยัดพลังงานระดับสูงสุดในหลากหลายโครงการ อาทิ โครงการเดอะแกรนด์ แจ้งวัฒนะ - เมืองทอง และ โครงการแกรนดิโอ 2 วิภาวดีรังสิต นอกจากนี้ โครงการ
    เดอะแกรนด์ ราชพฤกษ์ - พระราม 5 อยู่ระหว่างยื่นขอการรับรองจาก LEED ของ U.S. Green Building Council (USGBC) ซึ่งเป็นองค์กรที่เป็นผู้นำในการกำหนดมาตรฐานอาคารสีเขียวในประเทศสหรัฐอเมริกา
  4. สร้างความร่วมมือยกระดับสิทธินมุษยชนในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง: ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพัฒนาบ้านเด็กในการปรับปรุงแคมป์แรงงานก่อสร้าง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานในทุกมิติทั้งสุขภาพและสุขภาวะ โดยดำเนินการไปแล้วกว่า 10 โครงการจากทั้งหมด 18 โครงการครอบคลุมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค สวัสดิการ สาธารณสุข การศึกษา และการรับข้อร้องเรียน

ด้านนายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง หนึ่งในพันธมิตรของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ให้ความเห็นเรื่องการเลือกใช้วัสดุและโซลูชันที่ป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองแนวทางความยั่งยืนโดยต้องทำไปพร้อมกันทั้งกระบวนการตั้งแต่ผู้ผลิต ไปจนถึงลูกค้า นวัตกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำของเอสซีจี ได้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในโครงการต่างๆ ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อาทิ โครงการเดอะแกรนด์ พระราม 5 และโครงการ One Bangkok เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน

ดร.นรินธร จำวงษ์ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้ข้อเสนอแนะในมุมมองการช่วยโลกด้วยกลไกการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านการดูดซับ และความสำคัญของการเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ในการตรวจวัดปริมาณคาร์บอนที่กักเก็บได้ภายใน 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการเดอะแกรนด์ แจ้งวัฒนะ - เมืองทอง, โครงการเดอะแกรนด์ ปิ่นเกล้า และโครงการแกรนดิโอ สาทร พบว่าโครงการเหล่านี้สามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 73,567 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า