ควอลคอมม์เดินหน้าในฐานะผู้นำในการพัฒนายานยนต์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ เปิดตัวแพลตฟอร์ม Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite ใหม่ล่าสุด

24 Oct 2024

บริษัท ควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ อินคอร์ปอเรชั่น (Qualcomm Technologies, Inc.) เปิดตัวแพลตฟอร์มยานยนต์ที่ทรงพลังที่สุด ขับเคลื่อนด้วย Qualcomm Oryon(TM) CPU หน่วยประมวลผลที่เร็วที่สุดของควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ พัฒนามาเพื่อความปลอดภัยและมอบความน่าเชื่อถือในยานยนต์ โดยแพลตฟอร์มระดับชั้นนำ (Elite) เหล่านี้เป็นการเสริมทัพล่าสุดในพอร์ตโฟลิโอของ Snapdragon(R) Digital Chassis(TM) Solution ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพและความฉลาดเหนือชั้นให้กับยานยนต์แห่งอนาคต ผู้ผลิตรถยนต์สามารถเลือกใช้ Snapdragon(R) Cockpit Elite เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่ล้ำสมัย และ Snapdragon Ride(TM) Elite เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขับขี่อัตโนมัติ อีกทั้งด้วยสถาปัตยกรรมที่ยืดหยุ่นเฉพาะตัว ผู้ผลิตรถยนต์ยังสามารถรวมฟังก์ชันการทำงานของดิจิทัลค็อกพิต (Digital Cockpit) และการขับขี่อัตโนมัติไว้ในชิป SoC เดียวกันได้ ซึ่งถือเป็นความสามารถด้านนวัตกรรมที่มีในโซลูชันSnapdragon Digital Chassis

ควอลคอมม์เดินหน้าในฐานะผู้นำในการพัฒนายานยนต์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ เปิดตัวแพลตฟอร์ม Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite ใหม่ล่าสุด

นาคุล ดูกัล (Nakul Duggal) ผู้จัดการกลุ่มยานยนต์ อุตสาหกรรม และคลาวด์ของ Qualcomm Technologies, Inc. กล่าวว่า "ควอลคอมม์ เทคโนโลยีส์ ยังคงเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ด้วยแพลตฟอร์มอย่าง Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การประมวลผลแบบรวมศูนย์ (Centralized computing) ยานพาหนะที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ และสถาปัตยกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ด้วยสมรรถนะการประมวลผล กราฟิก และ AI ที่ทรงพลังที่สุด ร่วมกับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพระดับแนวหน้าในอุตสาหกรรม และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัยสำหรับดิจิทัลค็อกพิตและการขับขี่อัตโนมัติ ทำให้แพลตฟอร์ม Snapdragon สำหรับยานยนต์รุ่นใหม่เหล่านี้ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมในด้านการประมวลผลที่สูงขึ้น ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถสร้างประสบการณ์การขับขี่ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าได้"

รวมสถาปัตยกรรมเข้าด้วยกันมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น

  • เพิ่มประสิทธิภาพ AI: ชิปประมวลผล NPU ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้งาน AI หลายโมเดล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น 12 เท่าเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มค็อกพิตรุ่นก่อน* ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลจากสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในห้องโดยสารได้แบบเรียลไทม์ ความก้าวหน้านี้ยังช่วยให้เกิดการตัดสินใจที่รวดเร็ว การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง และการให้ความช่วยเหลือเชิงรุก เพื่อมอบประสบการณ์ภายในห้องโดยสารที่ปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ นอกจากนี้ NPU ใน Snapdragon Ride Elite ยังมาพร้อมกับตัวเร่งการประมวลผลแบบทรานส์ฟอร์เมอร์ เวกเตอร์เอ็นจิน และรองรับความแม่นยำแบบผสม โดยออกแบบมาเพื่อส่งมอบการประมวลผลทรานส์ฟอร์เมอร์ที่ครบวงจร มีความแม่นยำสูง มีประสิทธิภาพ และมีความหน่วงต่ำ พร้อมรักษาประสิทธิภาพการทำงานและการใช้พลังงานให้เหมาะสม
  • การประมวลผลยืดหยุ่นและมีศูนย์กลางการใช้ซอฟต์แวร์เสมือนและรองรับหลายระบบปฏิบัติการ:แพลตฟอร์มที่มีความหลากหลายนี้สามารถทำงานบนแอปพลิเคชันหลายตัวพร้อมกันได้อย่างราบรื่นโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้กล้องและเซ็นเซอร์หลายตัวทำงานพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงฟีเจอร์เสียงขั้นสูงที่ขับเคลื่อนโดย AI ผ่านเทคโนโลยีการจำลองเสมือน ผู้ผลิตรถยนต์สามารออกแบบยานยนต์ที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (SDV) ซึ่งสามารถปรับแต่งได้สำหรับรุ่นต่างๆ มอบความยืดหยุ่นและความสามารถในการพัฒนา อีกทั้งยังลดความซับซ้อนของสถาปัตยกรรมยานยนต์ สถาปัตยกรรมนี้ออกแบบมาเพื่อเร่งการใช้งาน ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงนวัตกรรมและฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้เร็วกว่าสถาปัตยกรรมก่อนหน้า นอกจากนี้แพลตฟอร์มยานยนต์ระดับ Elite ยังใช้ชุดซอฟต์แวร์ครบวงจรของ Qualcomm Technologies ที่รองรับการจำลองเสมือนฮาร์ดแวร์ด้วยไฮเปอร์ไวเซอร์แบบ Type-1 ที่ปลอดภัย สามารถรองรับเครื่องเสมือน (virtual machines) หลายตัวที่มีระบบปฏิบัติการแตกต่างกัน ทำงานพร้อมกันได้อย่างอิสระและไม่ถูกรบกวน
  • ประสิทธิภาพการใช้พลังงานชั้นนำในอุตสาหกรรม: ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพที่เหนือชั้น พร้อมลดการใช้พลังงาน และช่วยให้ยานยนต์ทำงานได้อย่างชาญฉลาดและยาวนานมากยิ่งขึ้น โซลูชันนี้เป็นการรวมกันของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ทำหน้าที่ปรับสมดุลการใช้งานของหน่วยประมวลผลหลักและระยะเวลาการทำงานของแอปพลิเคชัน
  • ประสบการณ์ใช้งานที่ง่ายดาย: แพลตฟอร์มเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรองรับแอปพลิเคชันที่เข้าใจบริบทการใช้งาน ช่วยให้การขับขี่อัตโนมัติที่ไร้การควบคุมสามารถคาดการณ์ความต้องการของผู้ขับ พร้อมติดตามผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์และตรวจจับวัตถุที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่ราบรื่นและมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้ GPU Qualcomm(R) Adreno(TM) ได้พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพถึง 3 เท่า* ด้วยสมรรถนะในการเรนเดอร์ขั้นสูง ตอบโจทย์ความต้องการด้านการเล่นเกม มัลติมีเดีย และข้อมูลของผู้ขับขี่
  • มุ่งเน้นความปลอดภัย: ออกแบบเพื่อรองรับมาตรฐานความปลอดภัยด้านยานยนต์ในระดับสูงสุดของระบบ ASIL-D โดยมีตัวควบคุมความปลอดภัยเฉพาะและสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่ง เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างแยกส่วนและปราศจากการรบกวน ช่วยให้มั่นใจในคุณภาพบริการที่เชื่อถือได้สำหรับฟังก์ชัน ADAS โดยเฉพาะ ตลอดจนมอบความสะดวกสบายและความมั่นใจจากผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
  • ใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนด: แพลตฟอร์มระดับ Elite ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไปสู่ยานยนต์ที่ใช้ซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนด (SDV) โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความปลอดภัย และความสามารถในการอัปเกรดผ่านซอฟต์แวร์รวมที่เน้นการนำซอฟต์แวร์กลับมาใช้ใหม่ โดยแพลตฟอร์มนี้ช่วยให้ผู้ผลิตยานยนต์สามารถเร่งการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้เร็วขึ้นผ่านเวิร์กเบนช์บนคลาวด์ ทำให้การพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดระยะเวลาในการนำฟีเจอร์และบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
  • ระบบกล้องล้ำสมัยเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบาย: แพลตฟอร์มยานยนต์ระดับ Elite มีระบบกล้องที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ พร้อมโปรเซสเซอร์สัญญาณภาพ (ISP) ที่ล้ำสมัย ทำให้ภาพคมชัดและตอบสนองในสภาวะการขับขี่ที่รุนแรงได้ดี ระบบเหล่านี้รองรับเซ็นเซอร์หลายประเภทมากกว่า 40 ตัว รวมถึงกล้องความละเอียดสูงถึง 20 ตัว ที่ให้การมองเห็นรอบทิศทาง 360 องศา และการตรวจสอบภายในรถ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มของเราใช้เครื่องมือสร้างภาพการแสดงผลที่พัฒนาด้วย AI มอบคุณภาพภาพที่ดีที่สุดสำหรับประสบการณ์ในห้องโดยสาร และฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย ซึ่งสามารถทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์และรูปแบบยานยนต์ล่าสุด รวมถึงที่กำลังจะเปิดตัวในอนาคต
  • การขับขี่อัตโนมัติและชุดซอฟต์แวร์ AI: แพลตฟอร์ม Snapdragon Ride Elite แสดงตัวอย่างการจำลองเสมือนซอฟต์แวร์ โดยนำเสนอระบบการขับขี่อัตโนมัติแบบครบวงจรที่มาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การรับรู้ภาพ การรวมข้อมูลเซ็นเซอร์ การวางแผนเส้นทาง การระบุตำแหน่ง และการควบคุมยานพาหนะทั้งหมด ซึ่งทั้งหมดทำงานได้พร้อมกันอย่างอิสระและไม่ถูกรบกวน ในขณะเดียวกัน Snapdragon Cockpit Elite ยังรองรับฟีเจอร์มัลติมีเดียที่หลากหลาย รวมถึง AI ที่ทำงานบนอุปกรณ์พร้อมการร่วมกับ Edge orchestrator เต็มรูปแบบ เพื่อการเล่นเกมที่มีประสิทธิภาพและกราฟิก 3 มิติขั้นสูง มอบประสบการณ์เหนือชั้นให้กับผู้ใช้งาน นอกจากนี้ Snapdragon Cockpit Elite ออกแบบมาพร้อมคุณสมบัติด้านความปลอดภัย และการรองรับระยะยาว (ความเข้ากันได้ของ API) พร้อมด้วยความสามารถในการใช้งานแผงหน้าปัดเครื่องมือ แผงควบคุมข้อมูลความบันเทิง และการสร้างอินสแตนซ์สำหรับผู้โดยสารหลายรายในเครื่องเสมือน (virtual machines) ได้อย่างอิสระ นอกจากนี้ยังรองรับการแชร์เนื้อหาและข้อมูลที่ต้องการได้

ทั้งนี้ แพลตฟอร์ม Snapdragon Cockpit Elite และ Snapdragon Ride Elite จะพร้อมให้ทดลองใช้งานในปี 2025

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit