กองทรัสต์ INETREIT เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 ที่ 8.80 บาทต่อหน่วย ชูจุดเด่นเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพเติบโตสูงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวต่อเนื่อง

18 Mar 2024

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT ประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 ที่ 8.80 บาทต่อหน่วย หลังเปิดจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิ์จองซื้อสำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และประชาชนทั่วไปเมื่อวันที่ 11 - 14 มีนาคม 2567 พร้อมเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล INET-IDC3 เฟส 2 ชูจุดเด่นทรัพย์สินใหม่มีศักยภาพเติบโตสูงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวต่อเนื่อง ชูประมาณการผลตอบแทนภายหลังการเพิ่มทุนในปีแรกประมาณ 8%

กองทรัสต์ INETREIT เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 ที่ 8.80 บาทต่อหน่วย ชูจุดเด่นเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพเติบโตสูงในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลขยายตัวต่อเนื่อง

นายฐิติวัชร กรวุฒิ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า หลังจากกองทรัสต์ INETREIT ได้เปิดจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิ์จองซื้อประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และประชาชนทั่วไปเมื่อวันที่ 11 - 14 มีนาคม 2567 ที่ราคาเสนอขายสูงสุด 9.00 บาทต่อหน่วย โดยเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 174,476,000 หน่วย เสนอขายให้แก่ 1) ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ โดยกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิในการจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมในการเพิ่มทุนครั้งที่ 1 (Record Date) ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 2) เสนอขายให้แก่ INET และ / หรือ กลุ่มบุคคลเดียวกันของ INET เมื่อรวมกับการจัดสรรตามส่วนที่ 1 แล้วจะมีจำนวนไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายในครั้งนี้ และ 3) เสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัด และ / หรือ ประชาชนทั่วไป และ/หรือ บุคคลตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ โดยกำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิ์จองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.5287 หน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ทั้งนี้ ในวันที่ 18 มีนาคม 2567 INETREIT ได้ประกาศราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ของหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 ที่ราคา 8.80 บาทต่อหน่วย

นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า กองทรัสต์ INETREIT พร้อมเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินประเภทศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือ Data Center ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูงในเทรนด์เศรษฐกิจดิจิทัล โดยกองทรัสต์จะเข้าลงทุน ในโครงการศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล INET-IDC3 เฟส 2 โดยจะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ INET-IDC3 เฟส 2, ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารควบคุมสถานีไฟฟ้าย่อย, ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารสาธารณูปโภคส่วนกลางของโครงการ INET-IDC3 ทั้งหมด, อาคารและส่วนควบของอาคาร และงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 รวมพื้นที่ประมาณ 3,900 ตารางเมตร และตู้ Rack พร้อมอุปกรณ์การเชื่อมต่ออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่ใช้ในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 จำนวน 246 rack ซึ่งภายหลังการเพิ่มทุนจะส่งผลให้กองทรัสต์มีสัดส่วนการลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) 58% และลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) 42% และอายุการเช่าคงเหลือเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของกองทรัสต์จากเดิม 22 ปี เป็น 54 ปี

ทั้งนี้ ทรัพย์สินหลักที่จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 จัดอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง มีคุณภาพและได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล และเป็นอุปกรณ์รุ่นใหม่ที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมูลค่าสูงขึ้น อยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดี มีความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ กองทรัสต์มีโอกาสเติบโตจากการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในอนาคตและมีสิทธิในการปฏิเสธก่อน (Right of First Refusal) ในทรัพย์สินที่ใช้ดำเนินธุรกิจศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลคอมพิวเตอร์ (Data Center) ของ INET รวมถึงสิทธิในการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม (Right to Invest) ในตู้ Rack เพิ่มเติมภายในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 รวมถึงมีลูกค้าอยู่ในกลุ่มธุรกิจภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ กลุ่มสถาบันการเงิน และกลุ่มองค์กรภาครัฐ จึงทำให้ทรัพย์สินหลักที่จะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 มีข้อได้เปรียบ และมีความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น โดยคาดว่าธุรกิจศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล (Data Center) ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

บริษัทฯ ประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทน แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ภายหลังกองทรัสต์เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่ 1 อ้างอิงสมมติฐานในการจัดทำงบประมาณการงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติสำหรับงวด 12 เดือน ช่วงเวลาประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 31 ธ.ค. 2567 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 8% ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอัตราผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจแก่นักลงทุน

HTML::image(