อัตราการเกิดโรคภูมิแพ้ในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ตั้งแต่มลภาวะทางอากาศ จนถึงสารเคมีที่เจือปนอยู่ในอาหาร โดยโรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้กับหลายระบบของร่างกาย เช่น ภูมิแพ้จมูกอักเสบ โรคหอบหืด ภูมิแพ้ผิวหนัง แพ้อาหาร แพ้ไรฝุ่น เป็นต้น
พญ.นวลนภา อนันตสิทธิ์ กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน คลินิกภูมิแพ้ โรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า โรคภูมิแพ้ เป็นโรคร่างกายมีปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้หรือสิ่งแวดล้อมบางอย่างไวกว่าคนปกติ และโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยโรคหนึ่งคือโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ หรือเรียกว่าโรคแพ้อากาศ นอกจากโรคนี้จะเกิดจากการแพ้หรือการที่จมูกไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศแล้ว ยังสามารถเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ด้วย สารก่อภูมิแพ้ที่คนไทยแพ้บ่อยได้แก่ ไรฝุ่น แมลงสาบ ขนสัตว์ เช่น ขนแมว ขนสุนัข เกสรหญ้า เชื้อรา โดยไรฝุ่นเป็นสารก่อภูมิแพ้ทางอากาศที่คนไทยแพ้มากที่สุด ปัจจุบันการแพ้ไรฝุ่นสามารถรักษาได้โดยวัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดเม็ดอมใต้ลิ้น โดยอมใต้ลิ้น 1 เม็ดทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 3 ปี การรักษาชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 12-65 ปี ที่มีอาการของโรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ หรือโรคหอบหืดที่ควบคุมอาการได้ดีร่วมกับตรวจskin test หรือตรวจเลือด IgE แล้วพบว่าแพ้ไรฝุ่น
การอมวัคซีนครั้งแรกต้องอมต่อหน้าแพทย์ และสังเกตอาการหลังอมอย่างน้อย 30 นาที เพื่อสังเกตอาการข้างเคียงที่อาจพบได้เช่น แสบร้อนบริเวณปากหรือลิ้น ผื่นแพ้ ส่วนอาการแพ้รุนแรงหลังการอมวัคซีนใต้ลิ้นพบได้น้อยมาก หากไม่มีอาการผิดปกติสามารถอมวัคซีนเองที่บ้านในdose ถัดไป
ข้อดีของวัคซีนเม็ดอมใต้ลิ้น ได้แก่ มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ค่อนข้างน้อย เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ไรฝุ่น ช่วยควบคุมอาการของโรคหืดได้ดีขึ้น เป็นการรักษาตรงจุดของผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจที่แพ้ไรฝุ่น สามารถใช้ยาได้เองที่บ้านสะดวกปลอดภัย
การรักษาภูมิแพ้นั้นต้องใช้เวลานานและสม่ำเสมอ นอกจากการรักษาด้วยวัคซีนแล้ว ผู้ป่วยภูมิแพ้ควรดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน มลพิษต่างๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ โรงพยาบาลหัวเฉียว พร้อมให้บริการดูแลคุณและคนที่คนรักให้ห่างไกลจากภูมิแพ้ ด้วย.. วัคซีนภูมิแพ้ไรฝุ่นชนิดเม็ดอมใต้ลิ้น โดยแพทย์เฉพาะทางโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน และพยาบาลผู้มีประสบการณ์ ที่คอยดูแลให้คำปรึกษาตลอดการรักษา สามารถปรึกษากุมารแพทย์เพิ่มเติมได้ที่ คลินิกเด็ก ชั้น 2 อาคาร 1 โรงพยาบาลหัวเฉียว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit