"ALLY" ขยายอาณาจักร กรีน คอมมูนิตี้มอลล์ ประกาศเตรียมพร้อมลงทุนเพิ่มเติมสินทรัพย์ใหม่ โครงการ 'แฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง' มูลค่าไม่เกิน 225.45 ล้านบาท เดินหน้าขยายพอร์ตสินทรัพย์สู่ทำเลศักยภาพกรุงเทพตอนเหนือ ศูนย์กลางแห่งการเดินทาง
ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY REIT เดินหน้าขยายอาณาจักร กรีน คอมมูนิตี้มอลล์ ประกาศเตรียมเข้าลงทุนเพิ่มเติมในกรรมสิทธิ์สินทรัพย์ใหม่ 'โครงการแฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง' มูลค่าไม่เกิน 225.45 ล้านบาท นับว่าเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์เป็นโครงการแรกของกองทรัสต์ฯ เพื่อรุกขยายพอร์ตการลงทุนสู่ทำเลศักยภาพกรุงเทพตอนเหนือ ย่านพักอาศัยที่มีประชากรหนาแน่น และเป็นศูนย์กลางแห่งการเดินทางที่สำคัญของกรุงเทพฯ ดันมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 13,800 ล้านบาท และพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 164,495 ตารางเมตร คาดลงทุนแล้วเสร็จภายในช่วงไตรมาส 2/2567
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลไล รีท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยว่า กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล (ALLY) ได้เตรียมเข้าลงทุนเพิ่มเติมในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ทรัพย์สินโครงการ "แฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง" จากบริษัท เอ็น.อาร์.พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มูลค่าลงทุนไม่เกิน 225.45 ล้านบาท โดยนับเป็นการลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการแรกของกองทรัสต์ฯ ซึ่งเป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ในทำเลศักยภาพย่านดอนเมือง สรงประภา ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ ประกอบไปด้วยอาคาร 4 ชั้น (2 ชั้นใต้ดิน) จำนวน 1 หลัง พื้นที่ลงทุนรวม 9,945 ตารางเมตร บนที่ดินกว่า 2 ไร่ และสังหาริมทรัพย์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและที่ใช้ในการประกอบกิจการศูนย์การค้า โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งหมด
ทั้งนี้ กองทรัสต์ ALLY ได้พิจารณาการลงทุนด้วยการประเมินจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ (1) ราคาประเมินของทรัพย์สินที่จัดทำโดยผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. จำนวน 2 ราย (2) ภาวะตลาดเงินตลาดทุนในช่วงที่คาดว่าจะลงทุนในทรัพย์สิน (3) อัตราผลตอบแทนในระดับที่เหมาะสมที่นักลงทุนจะได้รับ (4) ศักยภาพในเชิงพาณิชย์ของทรัพย์สิน (5) อัตราดอกเบี้ยทั้งในประเทศและในตลาดโลก (6) อัตราผลตอบแทนที่จะได้จากการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภท ตราสารทุน ตราสารหนี้ รวมถึงการลงทุนทางเลือกอื่นๆ และ (7) มูลค่าที่เจ้าของทรัพย์สินและกองทรัสต์ตกลงร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้ คือ ผู้ถือหน่วยลงทุนมีโอกาสได้ผลประโยชน์ตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการที่กองทรัสต์ได้นำทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติมไปจัดหาผลประโยชน์ รวมถึงทำให้รายได้จากการดำเนินงานของกองทรัสต์ในระยะยาวมีความมั่นคงเพิ่มขึ้นด้วยการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) การกระจายความเสี่ยงของการจัดหาประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ และช่วยลดการพึ่งพาแหล่งรายได้ (Asset Diversification) จากทรัพย์สินของโครงการใดโครงการหนึ่ง คาดว่าจะรับโอนสินทรัพย์แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2567
การเข้าลงทุนเพิ่มเติมดังกล่าว ถือเป็นการขยายอาณาจักร "กรีน คอมมูนิตี้มอลล์" ของกองทรัสต์ฯ เพราะโครงการ "แฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง" เป็นคอมมูนิตี้มอลล์สุดชิค ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์สายช้อป ชิม ชิล ได้อย่างดี มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านแฮงค์เอ้าท์มากมาย ที่มีบรรยากาศร่มรื่น โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy rate) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 นอกจากนี้ ถือเป็นการขยายการลงทุนสู่กรุงเทพตอนเหนือ ซึ่งเป็นย่านที่มีประชากร ชุมชน และโรงเรียนที่มีความหนาแน่น และยังเป็นศูนย์กลางแห่งการเดินทางที่สำคัญมากของประเทศไทย ทั้งสนามบินนานาชาติดอนเมือง สถานีรถไฟ และรถไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ย่านดอนเมือง มีโอกาสในการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ประกอบกับรูปแบบที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ ในพื้นที่ยิ่งทำให้มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มีความหลากหลายตามไปด้วย ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ร้านค้า ตลาดสด และคอมมูนิตี้มอลล์รอบพื้นที่ให้เติบโตตามไปด้วย
ภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์ที่มีโอกาสได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเพิ่มขึ้น และเพิ่มศักยภาพการกระจายแหล่งรายได้จากสินทรัพย์ที่หลากหลาย ช่วยเสริมสภาพคล่องจากขนาดของกองทรัสต์ที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้กองทรัสต์ ALLY มีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะ 13,800 ล้านบาท ถือเป็นกองทรัสต์ประเภทรีเทลที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 164,495 ตารางเมตร หนุนสร้างการเติบโตให้กับรายได้ของกองทรัสต์ในอนาคต พร้อมประมาณการอัตราผลตอบแทน (Yield) การลงทุนจากโครงการโครงการแฮปปี้ อเวนิว ดอนเมือง กว่าร้อยละ 6 ในปีแรก
"เรามีนโยบายขยายการลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินประเภทศูนย์การค้าและโครงการมิกซ์ยูสที่มีศักยภาพปีละ 1 - 3 โครงการ โดยวางงบลงทุนรวมในปีนี้ไว้ประมาณ 350 ล้านบาท คาดว่าจะลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้จะลงทุนเพิ่มอีก 1 โครงการภายใต้งบลงทุนส่วนที่เหลือ เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและต่อเนื่องในระยะยาว โดยการลงทุนในทรัพย์สินประเภทอาคารศูนย์การค้าที่มีทำเลที่ตั้งที่ดีและมีศักยภาพ ทำให้รายได้จากการดำเนินงานของกองทรัสต์ในระยะยาวมีความมั่นคงเพิ่มขึ้น" นายกวินทร์ กล่าว
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit