ข่าวเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทและการใช้ความรุนแรงที่ปรากฎขึ้นไม่เว้นวันในหน้าสื่อต่างๆ ทั้งการสาดใส่คำพูดร้ายๆ ใส่กันซึ่งหน้าหรือผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หรือการใช้กำลัง การใช้อาวุธ ทำร้ายกันจนถึงแก่ชีวิต ได้สร้างความกังวลใจให้กับทุกคนในสังคมไทย เชื่อเหลือเกินว่าคงไม่มีใครต้องการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยการใช้ความรุนแรงต่อกัน
สำหรับสาเหตุของพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง เกิดจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่มีความเกี่ยวโยงกันอย่างซับซ้อน ทั้งปัจจัยส่วนตัว เช่น พันธุกรรม พื้นอารมณ์ เชาว์ปัญญา และความผิดปกติของสมอง เป็นต้น ปัจจัยด้านครอบครัวและการเลี้ยงดู และปัจจัยด้านสังคมที่มีการแก่งแย่งแข่งขันสูงและมีการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นทางวาจาหรือทางร่างกาย รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ทำให้เด็กเล่นเกมที่มีความรุนแรงมากขึ้น เข้าถึงข้อมูลความรุนแรงต่าง ๆ ทางสื่อสังคมออนไลน์ และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่กับลูกห่างเหินกันมากขึ้น เพียงปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งอาจทำให้โอกาสเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่หากมีหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน โอกาสเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ปัจจัยที่สำคัญมากกว่าอย่างอื่นคงจะเป็นเรื่องของการเลี้ยงดู หากศึกษาลงลึกถึงประวัติชีวิตแล้ว จะพบว่าคนที่มีพฤติกรรมไปในทางก้าวร้าวและใช้ความรุนแรงเป็นประจำมักเป็นผลพวงมาจากการเลี้ยงดูในวัยเด็ก ที่ทำให้ขาดความมั่นคงทางจิตใจ เกิดความเครียดหรือรู้สึกโกรธได้ง่าย มีความบกพร่องในการควบคุมอารมณ์ตนเองให้สงบลง ขาดความยับยั้งชั่งใจ และไม่สามารถประคับประคองตัวเองให้ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบอารมณ์และความรู้สึกได้อย่างเหมาะสม คือมีลักษณะที่เรียกว่ามี EQ ต่ำ ทำให้ไม่สามารถควบคุมอารมณ์การตัดสินใจแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ดี และมักเลือกใช้กำลังมากกว่า ทั้งหมดเหล่านี้เกี่ยวโยงมาจากการเลี้ยงดูตั้งแต่ "วัยเด็ก"
ดังนั้น การจะสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากคนที่มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวและการใช้ความรุนแรงต่อกันในวันนี้จึงจำเป็นต้องเริ่มตั้งแต่ "ครอบครัว"
ปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีแรกของชีวิต พ่อแม่ต้องมีจิตใจที่พร้อมเสมอสำหรับลูก ใส่ใจและให้ความสนใจในสิ่งที่ลูกทำ เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น พร้อมจะอยู่เคียงข้างเพื่อให้
ความอบอุ่นใจตลอดเวลา เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่มีคุณค่า เชื่อมั่นและไว้วางใจต่อพ่อแม่ และมองโลกในทางบวก ประสบการณ์ดังกล่าวจะสร้างรากฐานทางจิตใจที่มั่นคงต่อไปตลอดชีวิต
กล่าวได้ว่า คุณพ่อคุณแม่ในยุคนี้ จำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดูแลเอาใจใส่และเลือกใช้วิธีการเลี้ยงดูลูกอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการป้องกันและยับยั้งหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเด็กไม่ให้ติดตัวไปจนโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นการให้ความสำคัญกับรากฐานครอบครัวที่ดีจะเป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่าเด็ก ๆ ในวันนี้จะเป็นอนาคตที่ดีให้กับสังคม
หากพบว่าบุตรหลานมีพฤติกรรมรุนแรงควรรับมืออย่างไร
เมื่อไหร่ที่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลคนอื่น เช่นครู รู้สึกว่าเด็กมีพฤติกรรมแปลกไป ควรจะพาไปประเมินอย่างละเอียดโดยจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา ซึ่งการเข้ารับการรักษาเร็ว สามารถช่วยลดความเสี่ยงการเกิดความรุนแรงได้มาก โดยเป้าหมายของการรักษา คือช่วยให้เด็กเรียนรู้การควบคุมความโกรธ การแสดงออกความไม่พอใจได้อย่างเหมาะสม ให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองและยอมรับผลของการกระทำนั้น เช่น กำหนดข้อตกลงบทลงโทษของการทำผิด และคุยต่อว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อไปอย่างไรหากอยู่ในสังคมทั้งที่ใกล้ตัวและสังคมที่ใหญ่ขึ้นไป นอกจากนี้เรื่องปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ปัญหาที่โรงเรียน ปัญหาของสังคมรอบข้างก็ควรได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
รศ.นพ.ศิริไชย หงษ์สงวนศรี
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาล BMHH : Bangkok Mental Health Hospital
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit