บลจ.อเบอร์ดีน ส่องตลาดหุ้นไทย คาดดัชนีสิ้นปีนี้ 1,406 - 1,560 จุด แนะหุ้นเล็ก-กลาง คุณภาพดี เติบโตก้าวกระโดด น่าสนใจกว่าหุ้นใหญ่ พร้อมกระจายลงกองตราสารหนี้ รับความเสี่ยงของดอกเบี้ยและความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย Head of Equities บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า กลุ่ม abrdn (อเบอร์ดีน) ยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และคาดว่าปีนี้ดัชนีน่าจะอยู่ในกรอบ 1,406-1,560 จุด ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทย น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งน่าจะเติบโตและดีกว่าปีก่อน ขณะที่ส่วนของกำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (EPS) อยู่ที่ 5% ซึ่งเติบโตจากปีก่อนที่ -8% โดยมองว่าหุ้นขนาดกลางและเล็ก จะยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่น่าจะมีโอกาสเติบโตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มเฮลธ์แคร์ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากนโยบายการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ที่ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 33-35 ล้านคนในปีนี้
อเบอร์ดีนให้ความสำคัญกับการคัดเลือกหุ้นขนาดกลางและเล็กที่มีคุณภาพและศักยภาพในการเติบโตสูง และราคายังอยู่ในระดับต่ำ โดยแนะนำ กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ (ABSM) ซึ่งมีความเสี่ยงระดับ 6 เน้นลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 80,000 ล้านบาท ณ วันทำการก่อนหน้าวันที่ลงทุน และมีนโยบายการลงทุนใน 4 ธีมหลัก ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มการแพทย์และความงาม กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย โดยจะได้ประโยชน์จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ซึ่งในพอร์ตจะมีหุ้น 20-30 ตัว ซึ่ง 5 หุ้นที่กองทุนถือสูงสุดในพอร์ต ได้แก่ SISB , MEGA, WHA ,HUMAN และ PR9 รวมทั้งยังลงทุนหุ้น CENTEL, MOSHI เป็นต้น (ที่มา: abrdn, ณ 31 มกราคม 2567) โดยมีให้เลือกทั้ง ชนิดสะสมมูลค่า (ABSM) ชนิดเพื่อการออม (ABSM-SSF) และชนิดเพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSM-RMF)
ด้านนายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed income and Asset Allocation กล่าวว่า อเบอร์ดีนยังมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งปีแรก น่าจะยังต้องเผชิญกับความผันผวนของเงินเฟ้อ ซึ่งจะส่งผลต่อภาวะการลงทุนให้มีความผันผวนตามไปด้วย คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะชะลอตัวแต่ไม่รุนแรง โดยมองว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงขาลง แม้ระหว่างทางอาจมีความผันผวนจากปัจจัยความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risks) ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสเข้าสู่ภาวะชะลอตัวแบบ Soft Landing โดยคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ ได้สิ้นสุดวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว และจะเริ่มเห็นธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในช่วงปลายไตรมาส 2 ปีนี้ โดยคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาด โดยประเมินกรอบดอกเบี้ยปี 2567 จะลดลงมาอยู่ที่ 3.25-3.5% และอัตราดอกเบี้ยจะทยอยปรับลดลงจนจบวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงที่อัตราดอกเบี้ยประมาณ 2.00-2.25% ภายในปี 2568
ขณะที่ยุโรปได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยุโรปในปี 2567 จะเติบโตเท่ากับปีก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจประเทศตลาดเกิดใหม่จะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นแต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าปีก่อนหน้า ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยประเทศตลาดเกิดใหม่จะเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลงในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เช่นเดียวกับประเทศตลาดพัฒนาแล้ว
อเบอร์ดีนแนะนำลงทุนในตราสารหนี้ Investment Grade เนื่องจากน่าจะได้รับผลกระทบไม่มาก หากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเกิดภาวะถดถอยแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบัน ผลตอบแทนของ Investment Grade อยู่ในระดับ 6-7% ต่อปี ขณะที่ตราสารหนี้ในประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) มีความน่าสนใจ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งไทยเป็นเป็นหนึ่งในประเทศที่คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยลง 1 ครั้งในครี่งปีหลัง ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้น่าสนใจ
อเบอร์ดีน แนะกองทุนตราสารหนี้และกองทุนหุ้นต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงรับตลาดผันผวน ได้แก่
ติดต่ออเบอร์ดีนเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือรับหนังสือชี้ชวน โทร 02-352-3388
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit