ปันโปร ผนึก SEA Bridge มุ่งต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ดันสินค้าและธุรกิจไทยบุกตลาดเวียดนาม

29 Feb 2024

บริษัท ปันโปรโมชั่น จำกัด (ปันโปร) แพลตฟอร์มโปรโมชั่นและไลฟ์สไตล์ออนไลน์ที่มีผู้ติดตามในเครือรวมกว่า 15 ล้านผู้ติดตาม ร่วมกับ บริษัท เรียลลี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SEA Bridge) ผู้ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือผู้ประกอบการขยายตลาดต่างประเทศ พร้อมต่อยอดธุรกิจ สร้างเครือข่ายพันธมิตร ขยายโอกาสเติบโตให้กับธุรกิจไทยในเวียดนาม 

ปันโปร ผนึก SEA Bridge มุ่งต่อยอดโอกาสทางธุรกิจ ดันสินค้าและธุรกิจไทยบุกตลาดเวียดนาม

นายกฤษฎา ตั้งกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ปันโปร เปิดเผยว่า "จุดแข็งของปันโปรคือการนำข้อมูลและอินไซต์ของผู้บริโภคมาวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาและวางกลยุทธ์การสื่อสารผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เข้าถึงผู้บริโภค ซึ่งปัจจุบันเรามีแบรนด์ในเครือกว่า 10 แบรนด์ ผู้ติดตามรวมกันทุกแบรนด์กว่า 15 ล้านผู้ติดตาม ในช่วงเริ่มต้นเรานำเสนอเรื่องราวของความคุ้มค่าในด้านการซื้อสินค้าและโปรโมชั่น รวมถึงการนำข้อมูลที่เข้าใจยากมาปรับเป็นการสื่อสารที่เข้าใจง่าย และช่วยให้ผู้คนสามารถตัดสินใจเลือกสินค้าและบริการที่คุ้มค่าต่อตัวเองที่สุด ซึ่งนอกจากการส่งมอบคุณค่าต่าง ๆ ให้ผู้คนแล้ว แล้วเรายังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศด้วย จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างปันโปร และ SEA Bridge ในการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อ Nghi?n Th?i (เหงียนไทย) หมายถึง เสพติดประเทศไทย หรือหลงรักความเป็นไทย เป็นภาษาเวียดนาม ซึ่งมีผู้ติดตามชาวเวียดนามมากกว่า 100,000 ผู้ติดตาม โดยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ วัฒนธรรม สินค้า บริการของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อเป็นช่องทางในการผลักดันให้สินค้าไทยได้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น"

นายแคสเปอร์ เสริมสุขสัน ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SEA Bridge กล่าวเสริมว่า "SEA Bridge เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจและนวัตกรรมให้ผู้ประกอบการไทยในต่างประเทศ ผ่านการสร้างโอกาส วิเคราะห์ตลาด เพื่อที่จะต่อยอดธุรกิจไทยในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน เรามีความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งปัจจัยที่เลือกขยายธุรกิจไปยังตลาดเวียดนาม เรามองว่าจำนวนประชากรเวียดนามมีกว่า 100 ล้านคน แนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคเวียดนาม ประกอบกับอัตราการบริโภคและการขยายของสังคมที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการบริโภคสินค้ามากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และอุปโภคบริโภค แต่สิ่งที่น่าสนใจคือตัวเลขด้านการท่องเที่ยวจากคนเวียดนามที่เดินทางไปต่างประเทศ พบว่าประเทศไทยถือเป็นเป้าหมายอันดับต้น ๆ เรามองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสนำสินค้าและบริการเข้าไปแข่งขันในตลาดเวียดนามได้ ซึ่งล่าสุดได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรที่เวียดนาม โดยร่วมลงนามความร่วมมือด้านการตลาดกับ Coc Coc Company Limited (C?c C?c) ผู้ให้บริการ Search Engine รายใหญ่ของเวียดนาม มีผู้ใช้บริการกว่า 30 ล้านคน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจไทยมีช่องทางประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการที่ประเทศเวียดนามมากขึ้น"

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า "แน่นอนว่าเป้าหมายสำคัญที่เราอยากผลักดันให้เกิดขึ้นคือ success case ที่เราจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเปิดตลาดที่เวียดนามได้ โดยเราตั้งเป้าการเติบโตในปี 2567 ของ Nghien Thai ไว้ที่ 1 ล้านผู้ติดตาม ซึ่งมองว่าเราจะเป็นพื้นที่ให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการให้เข้าถึงคนเวียดนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ในสัดส่วนของรายได้เป็นเป้าหมายรอง เพราะจุดมุ่งหมายหลักเราคือการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่านสิ่งที่บริษัทฯ ช่วยวางรากฐานไว้ให้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับธุรกิจไทย ส่วนแผนการเติบโตในปีนี้เราวางแผนที่จะขยายแพลตฟอร์มออนไลน์ในประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย จีน เกาหลี และซาอุดิอาระเบีย"

จากความสำเร็จของการส่งมอบความคุ้มค่าสู่ผู้คนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ผสานกับการวางแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและเครือข่ายที่แข็งแกร่ง นำไปสู่การสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจ พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่ตลาดต่างประเทศ

HTML::image(