สธ. หนุนมุมนมแม่ในรัฐสภา ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

29 Feb 2024

วานนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2567) นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย แพทย์หญิงนวลสกุล บำรุงพงษ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางสาวณัฐณิชา บุรณศิริ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงสาธารณสุข ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข รักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมเยี่ยมมุมนมแม่ในรัฐสภา เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ณ ห้องมุมนมแม่ สำนักบริการทางการแพทย์ประจำรัฐสภา อาคารรัฐสภาเกียกกาย กรุงเทพมหานคร

สธ. หนุนมุมนมแม่ในรัฐสภา ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การจัดมุมนมแม่ในรัฐสภา เพื่อสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ในรัฐสภาได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ที่ผ่านมามุมนมแม่ของรัฐสภาได้มีสมาชิกรัฐสภา รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐสภาเข้าใช้บริการห้องนมแม่เพื่อเก็บไว้ให้ลูก และยังมีตู้เย็นสำหรับแช่เก็บน้ำนมแม่ ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนให้แม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรก เพราะนมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์สำหรับลูก เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อีกทั้ง ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่กับลูก ช่วยสนับสนุนให้เด็กไทยได้กินนมแม่เพื่อการเติบโตที่มีคุณภาพ พัฒนาการสมวัย

"ทั้งนี้ รัฐสภาได้จัดตั้งมุมนมแม่ตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเป็นสถานที่สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ข้าราชการ และบุคลากรของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพราะการให้นมบุตร แม่ต้องการพื้นที่เฉพาะ ถือเป็นการส่งเสริมสิทธิที่มารดาพึงจะกระทำได้ ทั้งในที่สาธารณะและในที่รโหฐาน สำหรับการเยี่ยมมุมนมแม่ในวันนี้ ได้รับการสนับสนุนจากกรมอนามัยด้านองค์ความรู้ และแนวทางการดำเนินงานมุมนมแม่ของรัฐสภา เพื่อให้เป็นมุมนมแม่ต้นแบบที่ดีให้แก่หน่วยงานอื่นๆ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข" กล่าว

แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยมีภารกิจในการสร้างเสริมความรอบรู้ และทักษะในการดูแลตนเองให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มวัย เพื่อส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี โดยถ้วนหน้า โดยเฉพาะการดูแลสุขภาพของแม่และลูกอย่างมีคุณภาพ จะนำไปสู่การพัฒนาทรัพยากรบุคคลของประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งทั่วโลกยอมรับว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพและคุณภาพของประชากร และเป็นสิทธิอันชอบธรรมในการได้รับการคุ้มครองเลี้ยงดูด้านอาหารและสุขภาพอย่างเหมาะสม ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกว่า "ทารกควรได้รับนมแม่อย่างเดียว ในช่วง 6 เดือนแรก และได้รับนมแม่ต่อเนื่องควบคู่กับอาหารตามวัยจนอายุ 2 ปีหรือนานกว่านั้น"

HTML::image(