ในช่วงที่อากาศร้อนชื้น ทำให้เหงื่อออกมากและเกิดการอับชื้นได้ง่าย จึงทำให้เกิดโรคบางอย่างที่สัมพันธ์ กับเหงื่อและอากาศร้อน โดยเฉพาะโรคผดร้อน ซึ่งเป็นโรคผิวหนังที่พบบ่อยในช่วงฤดูร้อน
อาการของโรคผดร้อน
- ผื่นแดงหรือตุ่มแดงเล็กๆ ขึ้นตามผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่อับชื้น เช่น ข้อพับ รักแร้ และขาหนีบ
- ผื่นอาจมีอาการคันหรือแสบร้อน
- ผื่นอาจลุกลามไปยังบริเวณอื่นๆ ของร่างกายได้โดยเฉพาะบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก
- ในรายที่รุนแรงอาจมีอาการไข้ ปวดหัว และอ่อนเพลีย
สาเหตุของโรคผดร้อน
โรคผดร้อนเกิดจากการที่รูขุมขนอุดตัน ทำให้เหงื่อไม่สามารถระบายออกได้ตามปกติ จึงเกิดการอักเสบและเกิดผื่นขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนอุดตันได้แก่
- สภาพอากาศร้อนชื้น
- การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือไม่ระบายอากาศ
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อุดตันรูขุมขน
การรักษาโรคผดร้อน
- ใช้ครีมรักษาอาการคันที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป หรือคาลาไมน์ เพื่อบรรเทาอาการแสบและคัน
- ในรายที่มีการอักเสบติดเชื้อทับซ้อน ควรใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของยาปฏิชีวนะด้วย เพื่อรักษาอาการติดเชื้อที่ผิวหนังและต่อมเหงื่อ
- เปลี่ยนมาสวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี หรืออาบน้ำเพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่เกิดผดร้อนเย็นลง
- พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เหงื่อสัมผัสกับบริเวณที่เป็นผดร้อน เพราะจะยิ่งทำให้แสบมากขึ้น
- นำผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นแล้วบิดให้หมาดประคบบริเวณที่เป็นผดร้อน เพื่อลดความร้อนของผิวหนัง
การป้องกันโรคผดร้อน
ผู้ป่วยสามารถดูแลตนเองเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันการเกิดโรคผดร้อนได้โดย
- อาบน้ำบ่อยๆ ด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ
- สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบายและระบายอากาศได้ดี
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อุดตันรูขุมขน
- ดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้ร่างกายสดชื่นและชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนชื้น
โรคผดร้อนอาจดูเหมือนโรคที่ไม่รุนแรง แต่ในช่วงที่มีอากาศร้อน เหงื่อออกมาก ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี อาจเกิด ความไม่สบายตัว หรือ ติดเชื้อซ้ำซ้อนได้ หากผู้ป่วยพบว่าตนเองมีอาการเป็นโรคผดร้อนไม่ควรรอช้า เข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทความโดย แพทย์หญิง กันต์กนิษฐ์ สันติปราน์รนต์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้าน ผิวหนังและความงาม โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC)