บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ร่วมกับ บมจ.ยูโร ครีเอชั่นส์ (EURO) และบมจ.สตาร์มันนี่ (SM) แท็กทีมเดินสายโรดโชว์อัพเดทแผนธุรกิจให้กับนักลงทุนหาดใหญ่ จ.สงขลา กระแสตอบรับล้นหลาม โดย LEO มั่นใจในช่วงไตรมาส 2-4/67 ผลการดำเนินงานจะเติบโตเพิ่มขึ้นผ่านแผนธุรกิจ F.A.S.T.24 ฟาก EURO คงเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโต 15% จากปีก่อน จากแผนการขยายสาขา และ เพิ่มแบรนด์สินค้า ด้าน SM ฉายภาพรุกขยายธุรกิจมากขึ้นในทุกช่องทาง เพิ่มสินค้าใหม่ ๆ ปักธงลุยตลาดสินเชื่อครบวงจร มั่นใจรายได้จะเติบโต 15% และพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%
บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ร่วมกับบริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO และ บริษัท สตาร์มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM ผนึกกำลังเดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน โดยเริ่มที่ภาคใต้อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งได้รับความสนใจท่วมท้น สำหรับจุดเด่นของทั้งสามบริษัทนี้เป็นหุ้นที่อยู่ในเทรนด์ธุรกิจน่าสนใจ และมีปัจจัยพื้นฐานดี รวมทั้งมีแผนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ส่งผลให้เป็นที่ยอมรับ
โดย นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศไทยและทั่วโลกแบบครบวงจรเชื่อมั่นว่าในปี 2567 ด้วยแผนธุรกิจ F.A.S.T.24 จะทำให้สามารถสร้างการเติบโตของกำไรขั้นต้นและผลประกอบการให้เติบโตเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2-4/2567 โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากหน่วยธุรกิจใหม่ๆ (New Business Units) เช่น การขนส่งทางรางไปยังประเทศจีน-ลาว รวมถึงการขนส่งสินค้าทางรางภายในประเทศ โครงการ Bonded Cold Chain Logistics Center ที่ท่าเรือสหไทย และ Self Storage สาขาที่ 3 ที่ถนนพระราม4 ซึ่งจะเปิดดำเนินการภายในไตรมาส 2/2567
รวมถึงบริษัทฯ จะมีการรับรู้รายได้จากโครงการ JV อื่นๆ ที่ได้มีการจัดตั้งในปี 2566 เช่น Leo Sourcing & Supply Chain บริษัท LaneXang Express, บริษัท Logicam LEO ตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป และเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทในการเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า
"LEO ไม่หยุดที่จะพัฒนาและต่อยอดการให้บริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจร และส่งมอบบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้า ด้วยบริการที่รวดเร็ว ฉับไว และใส่ใจในทุกความต้องการของลูกค้า ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิด Smart & Sustainable เพื่อยกระดับบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าของ LEO Global Logistics อย่างแท้จริง" นายเกตติวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO กล่าว
ขณะที่ นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EURO ผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจ "Luxurious & High Quality Living" กล่าวว่า ทุกสินค้าของ EURO จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unique) ไม่สามารถหาได้ทั่วไปในท้องตลาด ซึ่งสินค้าที่นำเข้ามานั้นเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้ากลุ่ม luxury หรือ High-end ทั่วโลก อาทิ Technogym, Molteni&C, Natuzzi Italia, Giorgetti เป็นต้น ซึ่งมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการทั้งหมดภายในที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ แม้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่ EURO สามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากฐานลูกค้าเป็นกลุ่ม luxury หรือ High-end รวมถึงศักยภาพของตลาดลักชัวรี่ ที่มีดีมานด์ของผู้ที่ให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์พิเศษอย่างลงตัว มีผลิตภัณฑ์หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการในการตกแต่งบ้าน คอนโด หรือสถานที่ทำงาน สามารถเลือกหาได้จากโชว์รูม / Flagship Store ได้ทั้งหมด นี่ถือเป็นจุดแข็ง และจุดแตกต่างที่ทำให้ EURO ไม่เหมือนกับผู้เล่นอื่นในตลาด
สำหรับแผนการดำเนินงานช่วงต่อจากนี้มี 2 กลยุทธ์ด้วยกัน ได้แก่ 1.ขยายสาขาเพิ่มจากเดิมมี 5 สาขา และมีแผนขยายโชว์รูมเพิ่มอีก จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ Euro Gallery at Thonglor Soi 5 และ Euro Creations Flagship Gallery at Phuket และ Euro Creations Gallery at Thonglor Soi 1 ซึ่งสาขาที่ภูเก็ตได้เปิดให้บริการแล้วกระแสตอบรับดีมาก ส่วนสาขาทองหล่อซอย 5 คาดการณ์จะเปิดให้บริการได้ช่วงครึ่งปีหลังนี้ ขณะที่สาขาทองหล่อซอย 1 คาดจะเปิดได้ในปี 2569 และ 2.เพิ่มแบรนด์ใหม่
"คงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโต 15% จากปีก่อน หรือไม่น้อยกว่า 1,400 ล้านบาท จากแผนขยายสาขาเพิ่ม เพิ่มแบรนด์สินค้า และศักยภาพตลาด luxury ยังเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ในปี 2570 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นผลมาจากทุกสาขาเปิดให้บริการ และฐานลูกค้ากว้างขึ้น" นายเควิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EURO กล่าว
ด้านนายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ SM ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อหลากหลายรูปแบบแห่งภาคตะวันออก ทั้งสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า สินเชื่อบ้านและที่ดิน รวมถึงนายหน้าประกันวินาศภัยทุกประเภท กล่าวว่า ปัจจุบัน SM ประกอบ 3 กลุ่มธุรกิจหลักด้วยกัน ได้แก่ 1.ธุรกิจจำหน่ายสินค้าแบบขายเงินสดและขายผ่อนชำระ 2.ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และ 3.ธุรกิจเกี่ยวเนื่องนายหน้าประกันวินาศภัย
โดยจุดแข็งที่ทำให้ SM แตกต่างจากผู้ประกอบการกลุ่ม Non-Bank รายอื่น คือ การให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น สินค้าในครัวเรือน อาทิ แอร์ โทรทัศน์ ตู้เย็น เป็นต้น ตลอดจนสินค้า High Margin อย่างโทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค อีกทั้งในแง่ของดอกเบี้ยยังสามารถเพิ่ม High yield ได้ ซึ่งจุดเด่นนี้เองที่ส่งผลให้ SM ก้าวขึ้นสู่การเป็น "ราชาเงินผ่อน" ในภาคตะวันออก นอกจากนั้น SM มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดย SM มีสาขาร้านสตาร์ มันนี่ จำนวน 98 สาขาอยู่ในแหล่ง EEC และอีก 2 สาขาอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจากการขยายสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ EEC ผลักดันให้ SM มีผลการดำเนินงานที่ดีเสมอมา
สำหรับแผนธุรกิจที่วางไว้ในปีนี้และอีก 3-5 ปีข้างหน้า ทาง SM จะรุกขยายธุรกิจมากขึ้นในทุกช่องทางเพื่อสร้างให้สตาร์มันนี่เป็นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก พร้อมเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์มากขึ้น พร้อมปักธงลุยตลาดสินเชื่อให้ครอบคลุมและครบวงจรมากขึ้นเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่อให้เติบโต
"มั่นใจรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ทุกปี ด้วยเป็นรายได้ที่เข้ามาสม่ำเสมอและอาจมีรายได้จากช่องทางอื่นเพิ่มเติม อาทิ ดีลใหม่ๆ พร้อมตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% รวมทั้งคุม NPL ไม่เกิน 4% ซึ่งจากกลยุทธ์ที่วางไว้ รวมทั้งความชำนาญการในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จะช่วยผลักดันให้ผลงานเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ได้" นายชูศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ SM กล่าวในที่สุด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit