นอกจากนี้ ยังได้สรุป "10 เทรนด์การเรียนรู้ที่น่าสนใจในยุคศตวรรษที่ 21" ได้แก่ 1. Bite-Sized Learning เป็นการเรียนรู้ที่กะทัดรัดมากขึ้น ในยุคที่โซเชียลมีเดีย เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ ดังนั้นจึงมีการจัดทำเป็นคอร์สที่มีการแบ่งบทเรียนเป็นเนื้อหาสั้นๆ ช่วยให้ผู้เรียนค่อยๆ ซึบซับและเข้าใจเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น2. Education Transformation สถาบันการศึกษาต่างปรับหลักสูตรและวิธีการสอนเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเน้นไปที่การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และบูรณาการสาขาวิชาต่างๆ เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังเน้นส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิชาการ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมทั้งทางจิตใจ อารมณ์ ศีลธรรม3.Lifelong Learning to Lifelong Learner บ่มเพาะความเป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วและองค์คความรู้เกิดใหม่จำนวนมาก ผู้คนเริ่มมองหารูปแบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น เน้นการเรียนรู้พัฒนาทักษะ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน จากการเรียนรู้ทางออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่าง และออฟไลน์ เติมเต็มทักษะที่ต้องการ และสามารถสะสมเครดิต เพื่อเทียบโอนการจบหลักสูตรได้ 4. New EdTech เกิดนวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่ๆ ให้สามารถตอบโจทย์และรองรับการใช้งานอย่างเหมาะสม เอื้อให้คนทุกวัยเข้าถึงข้อมูลได้โดยสะดวก อาทิ แพลตฟอร์มออนไลน์รูปแบบต่างๆ เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน (VR - Virtual Reality) เทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม (AR - Augmented Reality) และ เทคโนโลยีความจริงขยาย(XR หรือ Extended Reality) ที่ช่วยสร้างประสบการณ์การเรียนที่สมจริงและน่าสนใจมากขึ้น รวมถึง AI แอปพลิเคชัน คลิปวีดีโอ e-book Podcast ฯลฯ ซึ่งข้อมูลมากมายเหล่านี้จำเป็นต้องมีระบบจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งผู้เรียนก็ต้องมีทักษะคัดกรอง แยกแยะ และเลือกใช้ให้เหมาะสม5..Blended Learning การเรียนรู้แบบผสมผสานโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย เพื่อเพิ่มขอบเขตการเรียนรู้ให้กว้างไกลและมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น การใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการเข้าถึงข้อมูลองค์ความรู้ได้จากหลายที่หรือแม้แต่การเรียนทางไกลช่วยให้ผู้เรียนได้เข้าถึงองค์ความรู้หลากหลายมากขึ้นจากทั่วโลก 6. Skills for Future ทักษะที่จำเป็นสำคัญกว่าใบปริญญา บริษัทหลายแห่งเริ่มรับคนที่มีทักษะหรือประสบการณ์ที่ต้องการและเกิดการเรียนรู้จากการทำงานมากกว่าใบปริญญา โดยเฉพาะในยุคที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ การเข้ามามีบทบาทของAI ในการดำเนินชีวิตและการทำงาน ทำให้คนต้องพัฒนาทักษะ เยาวชนคนรุ่นใหม่ควรต้องได้รับการฝึกฝนในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและหาข้อมูลได้ง่ายแค่เพียงปลายนิ้วอย่างยุคนี้7.Industry - Academy ภาคธุรกิจและเอกชนร่วมพัฒนาบุคลากรให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ เน้นการเรียนรู้ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้สัมผัสกับรูปแบบการทำงานจริง รวมทั้งได้ฝึกพัฒนาทักษะจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ และยังมีโอกาสในการทำงานต่อที่องค์กรนั้นอีกด้วย8. Learning for Jobs เป็นการปรับตัวของอาชีพต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ สามารถนำเสนอองค์ความรู้ของตนเอง ผ่านช่องทางออนไลน์ได้หลากหลายคนที่มีความสนใจเฉพาะด้านสามารถแสวงหาความรู้ได้ง่ายขึ้นทำให้เกิดผู้เชี่ยวชาญและอาชีพเฉพาะทางเพิ่มขึ้น9.Learn & Work from Anywhere วิถีทำงานที่เปลี่ยนไป อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ตอบโจทย์Work-Life Balance ของคนยุคใหม่ที่สามารถบริหารเวลาเพื่อจัดการชีวิตและการทำงานได้อย่างเหมาะสม ปัจจุบันหลายองค์กรทั่วโลกทดลองนำมาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร10. Work with AI การทำงานของคนร่วมกับเทคโนโลยีและ AI เป็นสิ่งที่ทำควบคู่กันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่าย ระยะเวลา และความผิดพลาดในการทำงาน คนทำงานจึงต้องปรับตัวและเรียนรู้เพิ่มทักษะรอบด้านให้หลากหลายเพื่อทำงานร่วมกับAI ได้อย่างดีขึ้นและสามารถต่อยอดทำงานด้านอื่นในส่วนที่ AI มาแทนที่ด้วยโดย OKMD หวังว่าเทรนด์การเรียนรู้ ที่ได้รวบรวมมา จะเป็นแนวทาง เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิต ต่อยอดพัฒนาทักษะ และสร้างโอกาสทางอาชีพให้กับคนไทยได้ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://knowledgeportal.okmd.or.th/article/660a50f348238
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit