สคร.12 สงขลา เฝ้าระวัง โรคฝีดาษวานร (Mpox) เน้นย้ำ ป้องกันได้

06 Jun 2024

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา (สคร.12 สงขลา) แนะนำ ประชาชนเฝ้าระวังโรคฝีดาษวานร (Mpox) หลังพบการระบาดเพิ่มขึ้น พร้อมเน้นย้ำ โรคฝีดาษวานร ป้องกันได้   

สคร.12 สงขลา เฝ้าระวัง โรคฝีดาษวานร (Mpox) เน้นย้ำ ป้องกันได้

นายแพทย์เฉลิมพล โอสถพรมมา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา  กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคฝีดาษวานรในประเทศไทย (ข้อมูล 1 มกราคม 2565 - 2 มิถุนายน 2567) มี ผู้ป่วยยืนยันสะสม 794 ราย เสียชีวิต 11 ราย โดยเป็นคนไทย 714 ราย ต่างชาติ 76 ราย และไม่ระบุสัญชาติ 4 ราย เพศชายมากกว่าเพศหญิง พบมากที่สุดในช่วงอายุระหว่าง 30-39 ปี สำหรับเขตสุขภาพที่ 12 จากโปรแกรมตรวจสอบข่าวการระบาด สคร 12 สงขลา (ข้อมูลเดือนสิงหาคม 2566 - เดือนพฤษภาคม 2567) มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 9 ราย พบในจังหวัดสงขลาทั้งหมด ไม่พบผู้ป่วยอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต ทั้งหมดเพศชาย และสัญชาติไทย พบมากที่สุดในช่วงอายุระหว่าง 30-39 ปี เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ร้อยละ 66.67 มีประวัติติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย ร้อยละ 22.2 และโรคซิฟิลิส ร้อยละ 11.1     

อาการของโรคฝีดาษวานร ที่พบบ่อย ได้แก่ มีผื่น มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต และอาการคัน  โดยจะเกิดขึ้นหลังมีความเสี่ยงประมาณ 5-21 วัน หากมีอาการเหล่านี้ให้รีบพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจหาเชื้อได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะทราบผลตรวจภายใน 1-5 วัน ระหว่างรอผลตรวจ แนะนำให้แยกของใช้ส่วนตัว และแยกพื้นที่กับผู้ที่อยู่ร่วมบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ สำหรับผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการแล้ว สามารถแพร่เชื้อได้ และจะพ้นระยะแพร่เชื้อเมื่อตุ่มหรือแผลแห้งและแผลหายดีแล้ว ซึ่งอาจใช้เวลา    ประมาณ 2-4 สัปดาห์    

นายแพทย์เฉลิมพล กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคนี้ป้องกันได้โดยการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยงดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีประวัติสัมผัสใกล้ชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้สงสัย/ ผู้ป่วยฝีดาษวานร/ผู้ที่มีผื่น/ตุ่มสงสัย ให้รีบพบแพทย์ที่สถานบริการใกล้บ้าน หรือติดต่อศูนย์หาดใหญ่นวรัตน์ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา ซึ่งให้บริการตรวจคัดกรองและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์/คัดกรองการติดเชื้อเอชไอวี พร้อมทั้งให้คำปรึกษาและสนับสนุนถุงยางอนามัย หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422